[QZGS Fic] Summer [ส่านเยี่ย/ส่านซิว]

[QZGS Fic] Summer [ส่านเยี่ย/ส่านซิว]

Fandom : Quan Zhi Gao Shou เทพยุทธ์เซียน Glory

Pairing : ซูมู่ชิว x เยี่ยซิว

Note : #ส่านเยี่ย 3KWS
1.ลวนลาม
2.จักจั่น
3.นักศึกษามหาวิทยาลัย
ส่านซิวเรื่องแรกของเราเลยค่ะ แต่เพิ่งเอามาลงบล็อค 555555555+

 

 

 

 

 

:: Summer ::

 

 

 

 

“นายลวนลามฉัน”
“แต่นายเองก็ไม่ได้รังเกียจ”

ภายใต้อากาศแตะอุณหภูมิกว่า30องศา ร่างกายที่แนบชิดกัน มีกลิ่นของหยาดเหงื่อผสมกับกลิ่นกายของอีกคน

หลังมือชื้นแตะต้องโดนกัน ใบหน้าเลื่อนเข้ามาใกล้ ลมหายใจผะแผ่วผิวหน้ากันและกัน

ริมฝีปากแลกจูบ สลับดูดเม้ม ซ้ำไปซ้ำมา บางครั้งก็แตะแผ่วเบา…

“นายหายใจแรงขึ้นนะ อาซิว” นิ้วเรียวยาวลูบผ่านเส้นผมสีดำเข้มนิ่มมือ กระซิบริมหูคนที่เป็นฝ่ายเอนลงมาซบกับไหล่ตัวเอง

“นายเองก็พอกันน่ะแหละ”

“อีกนานกว่ามู่เฉิงจะกลับ”

“อือ…”

ซูมู่เฉิงเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย พวกเขาสานฝันได้สำเร็จเดบิวต์ในวงการกลอรี่อาชีพได้อย่างสวยงาม เงินทองจึงไม่ต้องกังวลอีกต่อไป สามารถส่งน้องสาวเรียนได้ตามที่ตั้งใจ

แชมป์สามสมัยซ้อน
คู่หูไร้พ่าย คู่หูยอดเยี่ยม

เกียรติยศทั้งหมดอยู่ที่เจียซื่อ ด้วยสองมือของคนที่กุมกันไว้ไม่ผละจาก

แว่วเสียงจั่กจั่นตัวผู้ร้องระงม ในฤดูร้อนแสนสั้นวันนั้น ได้เปลี่ยนแปลงตัวเขาและคนตรงหน้าอย่างไม่หวนคืน

[QZGS Fic] Xiao Xiang [โจว??]

[QZGS Fic] Xiao Xiang [โจวเสียง]
Fandom : Quan Zhi Gao Shou เทพยุทธ์เซียนGlory
Pairing : โจวเจ๋อข่าย x ??

Note : เมากาวหน่อยๆ อาจจะ OOCนิดๆ

 

 

 

 

 

 

:: Xiao Xiang ::

 

 

 

 

 

เสี่ยวเสียงเป็นแมวจร

สก็อตทิช โฟลด์ ขนสั้นสีส้มแซมขาวรูปร่างปราดเปรียวที่มักเดินป้วนเปี้ยนอยู่หน้าประตูสโมสร ใครจะจับลูบเล่นก็กางเล็บ ส่งเสียงขู่ฟ่ออย่างดุร้าย

ยกเว้นแต่กับกัปตันทีมหลุนหวย เจ้าแมวตัวนั้นจะว่าง่ายเป็นพิเศษ… คล้ายกับจะยอมให้หนึ่งส่วน เห็นแก่ขนมอีกหนึ่งส่วน

มือเรียวยาวโอบอุ้มร่างเล็กขึ้นอุ้ม โดยก่อนหน้านี้อาศัยไม้ล่อแมวหยอกล้อ จนสัตว์ตัวน้อยตามติดพัวพัน มาถึงระยะเอื้อมมือได้ก็ระเบิดความเร็วมือคว้าหมับ

ลูกทีมได้แต่มองด้วยสายตาว่างเปล่า ว่าใช้ความเร็วมือขั้นเทพนั่นจับแมวแบบนี้ก็ได้เหรอ?

พอถามว่าทำไมคุ้นเคยกับแมวขนาดนี้ เจ้าตัวก็ตอบเพียงสั้นๆ ตามสไตล์ว่า

‘เหมือน… ชอบ’

คนคนนั้นก็เหมือนแมว… ชอบมาก

เจียงปัวเทาแปลแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว ส่วนลูกทีมงงเต็กว่าคนคนนั้นที่ว่าเป็นใคร?

รองกัปตันทีมหลุนหวยได้แต่ภาวนาว่าอเล่นกับแมวตัวเล็กนี้แล้วก็อย่าไปเล่นแบบเดียวกับกับแมวตัวโตที่หังโจวล่ะกัน

เดือดร้อนโดนข่วนหน้ายับมา ผู้จัดการจะร้องไห้ที่ใบหน้ามูลค่ายิ่งกว่าทองคำนั้นมีราคีซะเปล่าๆ

[QZGS Fic] QQ [โจวเสียง]

[QZGS Fic] QQ [โจวเสียง]
Fandom : Quan Zhi Gao Shou เทพยุทธ์เซียนGlory
Pairing : โจวเจ๋อข่าย x ซุนเสียง

Note : เมากาวหน่อยๆ อาจจะ OOC นิดๆ

 

 

 

 

 

 

:: QQ ::

 

 

 

 

 

‘อยากเจอ’

QQ ส่วนตัวเด้งขึ้นมาในยามดึกคืนนี้ ซุนเสียงที่สะลึมสะลือหรี่ตามองหน้าจออย่างง่วงงุนและอ่อนเพลียด้วยพิษไข้
‘ไม่ได้ เดี๋ยวติด’ มือพิมพ์ในความมืด ตามด้วยเสียงไอค่อกแค่กอีกสองสามครั้ง

‘ป่วย..?’

‘เป็นไข้นิดหน่อย ใกล้หายแล้ว’ ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว เหมือนพอสมองพร่าเลือนกลับเข้าใจถ้อยคำแสนสั้นของโจวเจ๋อข่ายขึ้นมา หรือเพราะอีกฝ่ายพูดจารู้เรื่องขึ้นก็ไม่อาจรู้

‘ไป’
‘ไม่ได้’
”ห่วง…’
‘เจ๋อข่าย’

พอคิดว่าพูดจารู้เรื่องก็งอแงขึ้นมา ทั้งที่เด็กกว่า แต่ซุนเสียงกลับรู้สึกตลอดว่าคนที่ฟากฝั่งฟ้าคนนั้นเด็กกว่าอยู่เรื่อย
เขาหลับไปทั้งที่ยังไม่วางมือถือ และหลับไปก่อนที่จะได้ทันอ่านข้อความท้ายสุด
‘ไปนะ’
…จะไปหานะ
ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง กลับพบใบหน้าหล่อเหลาจนน่าปวดหัวของกัปตันทีมหลุนหวยอยู่ข้างเตียง
นี่นายทำตัวเป็นพระเอกนิยายเรอะ!!

 

 

++แถม++

‪เตียงนอนที่ว่างเปล่า บนโต๊ะข้างเคียงมีเพียงโน็ตสั้นๆ สองคำ‬

‪’ไปนะ’ ‬
‪เจียงปัวเทาเหมือนจะเป็นลม งานของกัแตันหลุนหวยอาจจะไม่มาก แต่ก็ไม่น้อยเช่นกัน นายจะทิ้งงานไปแบบไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้ไม่ได้!!‬

‪รองกัปตันร่ำไห้อย่างไร้เสียง พลางเปิดqq ขึ้นติดต่อ… เงียบ ไม่ตอบ ‬
‪เบอร์โทรศัพท์กดไป… ไม่รับ‬

‪ที่เดียวที่นึกได้คือที่นั้น แต่นายจะไปกลับเซี่ยงไฮ้-หังโจวทุกอาทิตย์ไม่ได้นะ!

 

[QZGS Fic] Q&A [หวงอวี้]

[QZGS Fic] Q&A [หวงอวี้]
Fandom : Quan Zhi Gao Shou เทพยุทธ์เซียนGlory
Pairing : หวงเส้าเทียนxอวี้เหวินโจว

Note : คำถามกับคำตอบเราดัดแปลงมาจากบทสัมภาษณ์ของออฟฟิเชียลนะคะ ดูตัวเต็มและของคนอื่นได้จากลิ้งค์ด้านล่างเลยค่ะ!!

ถาม-ตอบ : http://glorybook-th.blogspot.com/p/qa.html
ของขวัญวาเลนไทน์ : http://glorybook-th.blogspot.com/p/valentine.html

 

 

 

 

 

[Q&A]

 

 

 

 

นักข่าว – ค่ายฝึกหลานอวี่รับผู้หญิงมั้ยครับ?

กัปตันอวี้ – รับครับ ^_^

นักข่าว – แต่นักกีฬาตัวจริงกลับไม่มีผู้หญิงเลยนะครับ

กัปตันอวี้ – เรื่องนี้ผมก็เองแปลกใจอยู่เหมือนกัน …  แต่สโมสรเราไม่แบ่งแยกชายหญิง รับทุกคนแน่นอนครับ ^_^

นักข่าว – เห็นว่ามีการแก้ไขกฏ’คนตาย ห้ามแชท’  นี่เริ่มในฤดูกาลไหนครับ?

กัปตันอวี้ – จบฤดูกาลที่4ครับ

นักข่าว – สมเป็นราชาคำขยะ เดบิวต์ก็สร้างความปั่นป่วนเลยสินะครับ

… แล้วส่วนตัวเคยคิดรำคาญหวงเส้าเทียนบ้างมั้ย?

กัปตันอวี้ – ใครๆ ก็คิดกันครั้งสองครั้งทั้งนั้น แต่เป็นเพื่อนกันแค่นี้ ทนได้ครับ ^_^

นักข่าว – มีน้ำอดน้ำทน สุภาพอ่อนโยน แถมใจดีแบบนี้ แฟนคลับคงเยอะมาก ไม่ทราบว่ากัปตันอวี้มีแฟนสาวหรือยังครับ?

กัปตันอวี้ – ยังไม่มีครับ ^_^

?? – เขามีแฟนหนุ่มน่ะ! แฟนหนุ่ม!! เข้าใจเข้าใจไหม นี่ๆ หันไมค์มาทางฉันก็ได้นะ ขนาดนี้แล้ว!

สัมภาษณ์กัปตันคนเดียวได้ไง ฉันด้วยสิ! ฉันด้วย!

 

กัปตันอวี้ – (ยิ้มค้าง หางตากระตุก)

นักข่าว2 – วันนี้เรามีแขกรับเชิญพิเศษนะคะ อริยดาบแห่งหลานอวี่ หวงเส้าเทียน!!

 

หวงเส้าเทียน – (ลากเก้าอี้มานั่งเอง)

“ถามทำไม ถามทำไม อย่างกัปตันน่ะนะ จะมีเวลาไปหาแฟนสาวหรือมีใครจีบ!

เห็นหน้าแบบนี้สาวไหนก็ได้แต่มองตาค้างทั้งนั้นแหละ!

เขามีแฟนหนุ่มน่ะถูกต้องแล้ว!! อย่างกัปตันน่ะ ต้องมีคนดูแล ดูแลอย่างดี ริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอมถึงจะถูก

ว่าม่ะ? คิดเหมือนกันป่ะ คิดสินะ!”

 

ระดับราชาถ้อยคำขยะมาเอง กระทั้งพูดแทรกนักข่าวยังไม่ทัน หนำซ้ำคนที่ปกติห้ามปรามคล้ายกับสมองชัตดาวน์ไปวูบหนึ่ง ยังคงยิ้มค้าง พูดไม่ออก แต่อย่างไรก็ไม่ลืมจัดการเจ้าของมือรุ่มร่ามที่ถือวิสาสะวางพาดกับพนักเก้าอี้ตัวเอง

 

เสียแต่ตีมือก็แล้ว ลอบหยิกมือนั้นก็แล้ว ผู้มาใหม่ก็หาได้ยี่หระต่อความเจ็บปวดทางกายภาพไม่ ยังคงทำตัวเหลือทน พูดฝอยต่อหน้าตาเฉย

 

หวงเส้าเทียน  – เข้าใจไหม เข้าใจไหม? อย่างเหวินโจ- เอ๊ย กัปตันน่ะ ไม่มี๊ไม่มีหรอก แฟนสงแฟนสาวอะไรนั้น ใครจะไป….

กัปตันอวี้ – เส้าเทียน… มาครบแล้วถามหัวข้อต่อไปเถอะครับ ^_^

นักข่าว2 – หัวข้อไป… คำถามนี้มาจากแฟนๆ ผู้หญิงล่ะค่ะ >///<

 

 

‘เทศกาลชีซีที่ผ่านมา… ไม่ทราบว่าทั้งสองคนให้ของขวัญอะไรกับคนรักเหรอคะ?’

 

 

เทศกาลชีซีตรงกับวันขึ้น 7 ค่ำเดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 28 สิงหาคม ปัจจุบันได้รับการยอมรับจากหนุ่มสาวจีนว่าเป็นเทศกาลแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์จีนนั่นเอง เนื่องจากมีตำนานเล่ากันว่า เป็นวันที่หนุ่มเลี้ยงวัว (หนิวหลาง) กับสาวทอผ้า (จือหนี่ว์) สามารถมาพบกันได้ ปีหนึ่งมีหนึ่งครั้งเท่านั้น

 

คำถามนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กัปตันอวี้เหวินโจวผู้สุภาพเรียบร้อยโดนแย่งไมค์ นักข่าวสาวจึงได้เป็นฝ่ายยื่นไมค์สัมภาษณ์ไปหาชายหนุ่มแทน

 

กัปตันอวี้ – ช็อกโกแล็ตครับ รับประทานอย่างพอเหมาะส่งผลดีต่อหัวใจ เหมาะที่จะมอบให้คนสำคัญ

 

เจ้าของรอยยิ้มละมุนละไมแตะแต้มบนใบหน้าอ่อนโยนพาให้ใจสั่น น้ำเสียงฟังรื่นหูจนอยากฟังต่อนานๆ เพียงแต่แขกรับเชิญกิตติมศักดิ์ยังมีอยู่อีกหนึ่ง เธอจึงจำใจต้องเลื่อนไมค์ไปคนข้างกายกัปตันแห่งหลานอวี่อย่างเสียไม่ได้

 

หวงเส้าเทียนไม่รอช้า ได้ไมค์มาก็ยิ้มระรื่น ตอบราวกับครุ่นคิดไว้ก่อนแล้ว

 

“จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายอยากได้อะไรล่ะนะ เป็นของกิน ของใช้ หรือว่าของที่ระลึก เพราะเป็นคนรัก เป็นคนสำคัญ ต้องคิดให้มากๆ น้อย ถูกมั้ยล่ะ? ถูกมั้ย? แต่ความจริงฉันว่าให้สัตว์เลี้ยงก็ไม่เลวนะ อย่างเช่นว่าฮัสกี้หรือยอร์คเชียร์เทอร์เรีย คอร์กี้อะไรแบบนี้ ดีนะ! ดีจริงๆ!

ความคิดฉันนี่ยอดเยี่ยมไปเลยใช่มั้ยล่ะ สุนัขน่ะเป็นเพื่อนของมนุษย์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เวลาไม่ได้อยู่ข้างๆ เธอก็จะได้ไม่เหงายังไงล่ะ แถมการเลี้ยงสัตว์ที่ค่อยประคับประคอง ช่วยเหลือดูแลก็เหมือนซ้อมช่วยกันเลี้ยงลูกนั่นแหละ!!”

 

นักข่าว2 – ถ้ามีแฟนเป็นคุณชายหวงท่านนี้ ดูท่าว่าคนคนนั้นคงไม่มีเวลาเหงาแล้วล่ะค่ะ!!

 

หวงเส้าเทียน – แน่นอนอยู่แล้ว! ฉันไม่มีทางปล่อยให้คนที่รักต้องเหงาหงอยเศร้าซึมเด็ดขาด เพียงแต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันเท่าไหร่

 

‘คนสำคัญน่ะ ไม่ใช่เพียงแค่ให้สิ่งของเท่านั้น คุณน่ะ… ต้องหมั่นเอาใจใส่ถึงจะถูก การกระทำน่ะสำคัญกว่าคำพูดรู้มั้ย?’

 

 

จอมฝอยที่พ่นคำขยะไร้สาระออกมา เวลานี้กลับเอ่ยถ้อยคำจริงจัง ชวนให้ผู้คนนึกแปลกใจขึ้นมาครามครัน ราวกับว่าเจ้าตัวมี ‘คนสำคัญ’ ที่ว่าอยู่ และที่กล่าวอยู่นี่คือข้อความที่ส่งให้คนคนนั้น

 

 

 

 

 

 

ช่างเป็นวันที่ยาวนานเหลือเกิน…

กัปตันทีมหลานอวี่คิด ขณะที่ตั้งท่าจะเปิดประตูห้องเพื่อเตรียมตัวเข้านอน แต่ยังไม่ทันได้บิดเปิดเข้าห้องตัวเอง ร่างของคนอยู่ห้องตรงข้ามที่ควรเข้าห้องไปเรียบร้อยแล้ว กลับซ้อนทับอยู่ด้านหลัง

 

“เหวินโจว… ตอนนั้น”

 

เสียงกระซิบริมหู พร้อมอ้อมแขนที่สวมกอดลงบน ไม่ได้รัดแน่น แต่กระแสเสียงฟังเว้าวอนเศร้าสร้อยอย่างที่เขารับรู้ได้ชัดเจน และแน่นอนว่าตนว่าเพราะอะไร

 

คำถามที่ว่าเขามีแฟนสาว..คนรักหรือไม่ และเขาตอบว่า ‘ไม่มี’

 

ความสัมพันธ์ระหว่างกัปตันทีมและรองกัปตันแห่งหลานอวี่ ไพ่ราชาและผู้ควบคุมนั้น หาได้เป็นความลับในสโมสร แต่ภายนอกนัก ใช่ว่าจะมีผู้คนยอมรับได้ เขาจึงเลือกที่จะเอ่ยเช่นนั้นออกไป เกินความคาดหมายคือตัวหวงเส้าเทียนเองก็มาร่วมรายการด้วย

 

… รักที่ไม่อาจเอ่ยคำว่ารักได้

 

ถึงอย่างนั้นเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายจะไม่มีวันปล่อยมือ และเขาเองก็รู้เช่นกันว่าตนจะจับมือนี้ไปจนสุดทาง คล้ายกับเป็นความเคยชินไปแล้วที่อยู่เคียงข้างกัน

 

“ไม่เป็นไร… ฉันเข้าใจ แค่ฉันกับนายก็พอแล้ว”

 

 

… คำถามในคำตอบ …

 

 

 

end.

 

talk zone : เริ่มเรื่องเพี้ยน แท้ๆ มีจบอึมครึมซะงั้น ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

[QZGS Fic] Guard [ส่านเยี่ย/ส่านซิว]

[QZGS Fic] Guard [ส่านเยี่ย/ส่านซิว]

Fandom : Quan Zhi Gao Shou เทพยุทธ์เซียน Glory

Pairing : ซูมู่ชิว x เยี่ยซิว

Note : spoil เล่ม 10 ตอนหนึ่ง

กับมาจากทวิตนี้ https://twitter.com/kwangpanta/status/909276314007244800

 

 

 

 

:: Guard ::

 

 

 

 

แปรเปลี่ยนพลิกผันพันรูปแบบ
ไร้พ่าย ไร้กาลเวลา ไร้ผู้ต่อต้าน
นั่นคือ ‘ร่มแสนกล’

ปัดป้องภัยพาล
กวาดล้างทุกอริศัตรูตรงหน้าให้มอดม้วย
‘ทวนเชวี่ยเสีย’

‘…แล้วนายล่ะ?’
คำถามนี้เอ่ยออกไป ซูมู่ชิวกลับหันมาทำหน้าเหลอหลาใส่เขาเสียอย่างนั้น
เจ้าตัวกำลังอยู่ในระหว่างปรับแต่งตัวละคร ‘มู่อวี่เฉิงเฟิง’ ขั้นตอนสุดท้าย ไอดีผู้ใช้ปืนใหญ่ที่มีใบหน้าเหมือนน้องสาวสุดที่รัก

ควรรู้ว่าสหายเขาผู้นี้ถนัดอาชีพที่ใช้ปืนมากเป็นพิเศษ รุกง่าย ถอยง่าย มีความรวดเร็วคล่องตัว นักแม่นปืน ชิวมู่ซู แม้ไม่โด่งดังในเกม แต่สถานการณ์จริงฉกฉวยโอกาส ช่วยเหลืออี๋เยี่ยจือชิวมานับครั้งไม่ถ้วน

ความคิดที่สร้างตัวละครนี้ ใช่ว่าเขาจะมองไม่ออก นักเวทสงครามแข็งแกร่งเพียงไรก็ใช่ว่าไร้ซึ่งจุดอ่อน

จังหวะที่จะพลาด โอกาสที่จะพลั้ง
… คนคนนี้จะปัดเป่ามันให้เอง

‘นายน่ะ คิดเรื่องไปข้างหน้าก็พอแล้ว’
มู่ชิวยิ้ม พลางขยี้เส้นผมสีดำสนิท ก่อนจะเบ้หน้าด้วยความรู้สึกแหยงมือ

‘สระผมครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่เนี้ย?’
‘เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ’
‘นายจะป่วยเอารู้มั้ย! ความสกปรกมันบ่มเพาะเชื้อโรค!!’
‘เห็นฉันเป็นมู่เฉิงหรือไง ฉันดูแลตัวเองได้น่า!’
‘คนดูแลตัวเองได้ที่อาทิตย์ก่อนฉันบังคับสระผม วันก่อนฉันบังคับป้อนข้าวหน้าคอม?’
‘ใครขอล่ะ? ฉันไม่ใช่น้องชายนายซะหน่อย’
‘อืม.. ‘

 

‘เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ อาซิว’

 

คำว่า ‘ครอบครัว’ อบอุ่นได้มากขนาดนี้เลยเหรอ?

ใบหน้าจึงได้ร้อนผ่าวถึงขนาดนี้
สองแก้มแดงระเรื่อ ริมฝีปากบางเผยออ้าค้างสลับเม้มแน่น

โทษคนตรงหน้าเถอะ!
ใครให้ใช้ใบหน้าแบบนั้นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและดวงตาจริงใจแบบนั้นกัน…

 

มือที่จับจูง อ้อมแขนที่สวมกอด ทั้งหมดนั้นหายไป
…ในชั่วพริบตา
ด้านหลังฉันจะไม่มีนายอีกแล้ว ไม่มีนายที่ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่มีมือที่คอยผลักดัน ไม่มีรอยยิ้มแสนอ่อนโยนนั้นอีกแล้ว

 

‘เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง’
นายพูดแบบนี้ และก้าวต่อไป

ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ ทำได้แค่ถือทวนเชวี่ยเสีย บุกตะลุยไปข้างหน้า

ฉันเริ่มใหม่ไม่ได้
ฉันทำได้แค่กอดสิ่งที่ยังเหลืออยู่ไว้

 

‘ฉัน… ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคิดถึงนาย’

 

 

end.

talk zone : รวมมาจากในทวิตค่ะ ……

[QZGS Fic] Shall We Dance? [ถังโหรว/ตู้หมิง]

[QZGS Fic] Shall We Dance? [ถังโหรว/ตู้หมิง]
Fandom : Quan Zhi Gao Shou เทพยุทธ์เซียนGlory
Pairing : ถังโหรว/ตู้หมิง

Note :
ถังโหรวกับตู้หมิงสลับเพศกันนะคะ เป็นถังเกอเกอกับเสี่ยวหมิง ติดสปอยล์ผลแข่งลีคสิบนะคะ

อย่าลืมอ่าน One More ก่อนนะคะ

 

 

 

 

:: Shall We Dance? ::

 

 

 

 

 

งานเลี้ยงหลังจบการแข่งขันเป็นหน้าที่ของสมาคมลีคอาชีพที่จัดขึ้นเพื่อฉลองชัยชนะให้แก่แชมป์ในปีนั้นๆ ตัวหลักสำคัญย่อมเป็นทีมแชมป์และรองแชมป์ที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดจนถึงรอบสุดท้าย ซึ่งภายในงานสงวนความเป็นส่วนตัวของนักกีฬาโดยไม่อนุญาตให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันสามารถอยู่ได้แค่หน้างานเท่านั้น ยกเว้นนักกีฬาอาชีพทีมอื่นๆ จึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมได้

บ่อยครั้งจึงเป็นการปล่อยผีของพวกนักกีฬาอาชีพ

แน่นอน…. ด้วยความที่อัตราส่วนนักกีฬาชายหญิงนั่นไม่สมดุลกันอย่างแรง สาวๆ ในโถงจัดงานจึงมีจำนวนน้อยให้เป็นที่แย่งชิงของคนหนุ่ม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นสหายหรือเพื่อนฝูงที่คลุกคลีเล่นเกมหรือแข่งขันกันทั้งสิ้น บรรยากาศอ่อนหวานจึงไม่มีเลยแม้แต่น้อย

ยกเว้น… สองคนที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษในปีนี้

 

ตู้หมิงมองสายตาที่จับจ้องมาด้วยความตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เป็นบ่อยนัก เธอเกาะหลังกัปตันทีม… อาศัยความสูงของโจวเจ๋อข่ายเป็นโล่บังร่างตัวเองจากสายตาคนอื่น ใบหน้าหันซ้ายหันขวาไม่อยู่สุข เดือดร้อนให้เจียงปัวเทาที่เดินตามมาข้างกัปตันในฐานะเครื่องแปลภาษาต้องเอ็ดเข้าหนึ่งประโยค

“เลิกทำตัวเป็นตุ๊กแกเกาะผนังได้แล้ว ตู้หมิง” ชายหนุ่มกล่าว พลางถอนหายใจ เจ้าของชื่อได้แต่ทำหน้าเหวอ ก่อนยินยอมปล่อยมือจากชายเสื้อของกัปตันทีม

แล้วย้ายมาเกาะเขาแทน…

เจียงปัวเทารู้สึกสิ้นหวัง และปลงตกในที่สุด จึงปล่อยเลยตามเลยให้หญิงสาวฉวยจับปลายเสื้อตนไว้เป็นที่พึ่ง เดินตามต้อยๆ อย่างว่าง่าย

 

 

“อ้าว? เสี่ยวหมิง ทำไมหลบอยู่แบบนั้นล่ะ?”

ร่างเล็กบอบบางสะดุ้งเฮือกกับเสียงทักทาย เพราะก้มหน้าก้มตาเลยไม่ได้สังเกตว่าซูมู่เฉิงเดินเข้ามาใกล้ขนาดนี้ มือน้อยปล่อยจากชายเสื้อรองกัปตันทีมที่หมุนตัวหลบฉากไปอย่างรวดเร็ว พร้อมหิ้วกัปตันทีมที่ปฏิกิริยาตอบสนองนอกเกมช้ากว่าคนปกติไปด้วย

ซูมู่เฉิงยิ้มกว้าง ก่อนจะฉวยข้อมือของนักดาบสาวแห่งหลุนหวยไว้ ปิดทางหนี

“ไปกันเถอะ”

สาวน้อยพยักหน้าตามอย่างคนยังตั้งตัวไม่ติด เดินตามแรงจูงของหญิงสาวรุ่นพี่ไปเรื่อยๆ ก่อนจะตัวแข็งค้าง ขาไม่ยอมก้าว ตาเบิกค้างราวคนเห็นผี เมื่อพบเจอร่างสูงโปร่งโดดเด่นในวงล้อมของหญิงสาวมากหน้าหลายตา

“ถังถัง!”

เสียงของซูมู่เฉิงดังพอให้กลุ่มคนที่กลุ้มรุมอยู่และชายหนุ่มหันมามองได้อย่างพร้อมเพรียง และค่อยๆ สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าแต่ละคนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ และไม่ลืมที่จะแวะหยอกล้อ ‘เสี่ยวหมิง’ คนดีของพวกเธอด้วยถ้อยคำที่ทำให้หญิงสาวเหมือนโดนไม้ฟาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมึนเบลอไปหมด

‘ตัวจริงมาแล้ว’

แต่เขินก็ส่วนเขิน…

ยังไงเธอก็อยากเจอเขามากกว่าอยู่ดี ถึงก่อนหน้านี้จะประสาทเสียเพราะสายตาหลายคู่จ้องเอาๆ ก็เถอะ แต่จ้องนานไปก็ชินแล้ว แค่นี้สบายมาก!!

ถังโหรวเบนสายตามายังหญิงสาวร่างเล็ก รอยยิ้มละมุนละไมยังคงประดับบนใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่คลาย และรอฟังสาวน้อยด้วยท่าทีนิ่งสงบ

“ฉะ…ฉัน…. อยาก…”

เสียงหวานใสพูดตะกุกตะกัก วนเวียนไปมา แต่ไม่ถึงใจความสำคัญซะที เหล่านักกีฬาทั้งห้องโถงเงี่ยหูรอฟังกันอย่างสนุกสนาน ลุ้นเสียยิ่งกว่าลุ้น โดยเฉพาะทีมซิงซินกับทีมหลุนหวย ทีมแรกนั้นพนันขันต่อกันว่าเจ้าชายน้ำแข็งอย่างเสี่ยวถังจะรู้ตัว(ได้สักที)ว่าโดนสาวจีบ? หรือจะท้า PK กันกลางงาน? ทีมหลังสวดมนตร์ภาวนา ขออย่าให้สาวน้อยคนดีทำเรื่องน่าขายหน้าอีกเลย

 

ถังโหรวยิ้มขำ หญิงสาวร่างเล็กที่พูดซ้ำไปซ้ำมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ สองมือขยุ้มกำชายกระโปรงตัวสวยจนยับยู่ แล้วเป็นฝ่ายเอ่ยก่อนว่า

“เจอแล้ว…”

ขาก้าวขึ้นมาหยุดตรงหน้า ฝ่ามือเรียวยาวที่สวยราวกับมือของผู้หญิงเอื้อมมาคว้ามือของเธอไว้

“เต้นรำกันมั้ย?”

ถ้อยคำแสนสั้นถูกเอ่ยออกมา ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำนุ่มนวล เดือดร้อนผ้าเช็ดหน้ากับผ้าคลุมไหล่ของสาวๆ ในงานให้เป็นที่ระบายจิกกัดด้วยความฟินปนริษยา ควรรู้ว่าอัตราการขึ้นคานของหญิงสาวในลีคก็สูงพอๆ กับหนุ่มๆ นั่นแหละ ผู้หญิงที่เอาแต่เล่นเกมเป็นอาชีพจะมีเวลาไปหาแฟนได้ยังไง ยิ่งในวงการเดียวก็มีแต่พวกเนิร์ดเกม หาดีไม่ได้สักคนยิ่งแล้วใหญ่

ถังโหรวถือเป็นเพชรแท้! เพชรยอดมงกุฎ!

แต่กระนั้นไม่ว่าจะเที่ยวไล้เที่ยวขื่อ อ่อยแล้วทอดสะพานอีก ก็หาได้ทำให้ชายหนุ่มหวั่นไหวไม่แต่อย่างใด มีเพียงเสี่ยวหมิง… น้องสาวคนดีคนนั้นที่ไม่ย่อท้อและซื่อตรงจนถึงที่สุด

แล้วนี่จะไม่ให้พวกพี่สาวอย่างเธอ ทั้งอิจฉาและยินดีไปด้วยได้อย่างไร!!

 

ตู้หมิงที่ติดค่าสตั้นท์ไปแล้วคล้ายกับเพิ่งคว้านหาสติเจอ ใบหน้าเล็กค่อยๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อราวผลไม้เนื้อแดงก่ำสุก กรีดร้องในใจอย่างคลุ้มคลั่งว่าเมื่อครู่หูฝาดไปใช่หรือไม่ ฝันอยู่หรือเปล่า?

อะไรนะ… เกิดอะไรขึ้น

เมื่อกี้เขาขอฉัน PK กลางงานเหรอ?

ใช่ ใช่แน่ๆ
ก็ในเมื่อเขาน่ะ

…. ไม่เคย…….

 

“เต้นรำกันมั้ย?”

ประโยคเดิมทวนซ้ำอีกครั้ง คราวนี้ไม่เพียงแค่น้ำเสียงทุ้มต่ำที่เล่นงานเธอ ใบหน้าหล่อเหลานั้นโน้มลงมาแล้วคลี่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“ค่ะ!!”

 

 

 

:: แถม ::

– พี่ไปพูดอะไรกับถังถังใช่มั้ย?
– ไม่ดีเหรอ…. ช่วยให้หนุ่มสาวรักกัน
– แต่แบบนี้สงสารเสี่ยวหมิง…
– สงสารอะไร เด็กนั้นตรงเป็นไม้บรรทัดก็จริง แต่ไม่ได้ซื่อบื้อซะหน่อย
– พี่คะ…
– เอาน่าๆ

 

end.

talk zone : คิดอะไรได้ก็ต้องรีบดรอป?เดี๋ยวจะดอง 5555555555555+

[QZGS Fic] One More [ถังโหรว/ตู้หมิง]

[QZGS Fic] One More [ถังโหรว/ตู้หมิง]
Fandom : Quan Zhi Gao Shou เทพยุทธ์เซียนGlory
Pairing : ถังโหรว/ตู้หมิง

Note :
ขำจนต้องรวมเก็บไว้ค่ะ ไม่ไหวแล้ว 5555555555+
ดัดแปลงมาจากสปอยที่อ่านมานิดหน่อย ถังโหรวกับตู้หมิงสลับเพศกันนะคะ เป็นถังเกอเกอกับเสี่ยวหมิง ฮา

 

 

 

 

 

:: One More ::

 

 

 

 

 

“ฉันอยากแข่งกับพี่ชายคนนั้นอีก…”

สองมือจับแก้มแดงๆ ใบหน้าเล็กเขินอายอย่างน่ารัก แต่ไม่ได้น่าพาความเอ็นดูมาสู่ฝั่งกีฬาหลุนหวยเลยแม้แต่น้อย พวกเขาล้วนมองสาวน้อยผู้ตกห้วงร้กด้วยแววตาเรียบเฉย

 

“อยากแก้แค้น?”

“จำได้ว่าเยี่ยชิวก็แข่งกับเธอก่อนหน้านี้ไม่อยากแก้แค้นบ้างเหรอ?”

 

สาวน้อยหันขวับ ก่อนขี้นเสียงจนแก้มป่อง

 

“แก้แค้นอะไร! ฉันแค่อยากดวลกับเขาเฉยๆ!”

 

เจียงปัวเทาลูบคาง มองภาพการแข่งข้นสลับกับฝั่งที่นั่งนักกีฬา ลูกศิษย์หนุ่มของมหาเทพเยี่ยชิวผู้หวนคืนสู่วงการ ไม่เพียงมีสไตล์การเล่นที่ดุดัน แต่ยัง…

 

“น้องชายคนนั้นก็หล่อเหลามากจริงๆ แหละนะ”

 

“เจียง-ปัว-เทา!”

 

 

………………..

………

……

..

.

 

 

 

ชายหนุ่มผู้หล่อเหลา เจ้าของไอดีนักเวทสงครามก้าวขึ้นสนามแข่ง เสียงกรีดร้องของผู้ชมสาวๆ ดังกลบเสียงผู้บรรยาย ข้างกายเขาเป็นหญิงสาวร่างเล็ก ใบหน้าน่ารักแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตเปล่งประกายสดใสเจิดจ้า เจ้าของไอดีจอมยุทธ์ดาบ

 

ถังโหรวจากซิงซิน VS ตู้หมิงจากหลุนหวย

 

ระหว่างทั้งคู่คั่นกลางกันด้วยจอคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์การแข่งขัน

 

มือวางประสานบนแป้นคีย์บอร์ดและเม้าส์เพื่อเตรียมพร้อม เฮดโฟนถูกสวมเพื่อรองรับการฟังเสียงในเกมและจากคู่แข่งโดยตรง

 

“ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคุณในลีคอาชีพ”

 

ถังโหรวกดอีโมยิ้มให้หนึ่งตัว

 

“เต็มทีเนอะ”

 

น้ำเสียงหวานใส ฟังดูกระตือรือล้นเป็นอย่างยิ่ง และอีกฟากฝั่งสนามก็ตอบรับด้วยความหนักแน่นไม่ต่างกัน

 

“แน่นอนอยู่แล้ว”

 

………………..

………

……

..

.

 

 

“เสี่ยวหมิงดูตื่นเต้นนะ แต่ยังฟอร์มดี ดีมากซะด้วย หรืออยากฆ่าฝ่ายนั้นเพื่อแสดงความรักอันร้อนแรง”

 

บางทีพวกเขาก็ไม่เข้าใจผู้หญิงเอาซะเลย

 

“น่าจะอยากให้เขาสนใจมากกว่าล่ะมั้ง?”

 

“เด็กประถมหรือไงกันล่ะนั่น”

 

 

ภาพในจอโปรเจคเตอร์เรียกเสียงร้อง ‘เฮ้ย!’ อย่างพร้อมเพรียงจากฝั่งนักกีฬาของหลุนหวย

จอมยุทธ์ดาบสาวหลบปลายคมทวนที่พุ่งเข้ามาได้อย่างหวุดหวิด แต่เสียการทรงตัวจนไม่อาจรอดพ้นด้ามทวนที่ฟาดลงมาได้

 

“ตายมั้ย?”

 

“ยัง”

 

เสียงแรกไม่แน่ชัดนักว่าเป็นเสียงของใคร แต่เสียงที่สองย่อมมาจากกัปตันทีมโจวเจ๋อข่ายอย่างแน่นอน ทุกคนล้วนใจหายใจคว่ำ ผิดกับสาวเจ้าที่ดูปลื้มปริ่มอิ่มเอมกับการเอาจริงของฝ่ายตรงข้ามเหลือเกิน

 

“ยอดไปเลยค่ะ!!”

 

รูปหัวใจแทบกระเด้งกระดอนออกมาจากดวงตากลมโตของหญิงสาวร่างเล็ก

 

 

“ขาดแค่ตะโกนว่า ‘ฉันรักคุณ’ ออกมานี่ก็จะเป็นแมทช์สารภาพรักแล้วล่ะฉันว่า”

 

“ถ้าย้ายทีมตอนนี้ได้ ขายเธอให้ซิงซินไปเลยดีมั้ย?”

 

“ยัยนั่นได้ดีใจจนรีบเก็บข้าวของไปวันนี้เลยน่ะสิ!!”

 

 

:: จบการแข่งขัน ::

 

ชัยชนะตกเป็นของทีมซิงซิน ไม่ผิดความคาดหมายของใครหลายคนสักเท่าไหร่ และตามธรรมเนียมแล้ว จะมีการเดินมาจับมือกันระหว่างผู้เล่นหลังจบเกม แต่ธรรมเนียมในข้อนี้นั้นปกติจะไม่ค่อยมีผู้นำมาปฏิบัติเท่าไหร่ มักจะทำต่อเมื่อเป็นการแข่งประเภททีมเท่านั้น

 

ถังโหรววางเฮดโฟนลงแล้วผุดลุกขึ้นเพื่อเดินลงจากเวที กลับมีมือคู่หนึ่งยื่นมาให้ ฝ่ามือเรียวเล็กบอบบางของหญิงสาว สายตาทุกคนจับจ้องมาที่ตัวเขาและเธอคนนั้น เฝ้าหวังปฏิกิริยาระหว่างคู่แข่งที่เพิ่งต่อสู้กันไปว่าจะเป็นเช่นไร

 

ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มนุ่มนวลอบอุ่นที่ดูละมุนละไมอย่างยิ่งให้หญิงสาว ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจที่มือที่ยื่นค้างมานั้นฉวยจับมือเขาไปกุมไว้ พร้อมประกาศกร้าว

 

“ครั้งหน้าฉันไม่แพ้แน่!!”

 

เสียงหวานสดใสของสาวน้อยไม่ดัง แต่ก็ไม่เบานัก ผู้คนในบริเวณนั้นได้ยินกันทุกคน และมากพอที่จะเล็ดลอดไปถึงไมค์ของพิธีกรที่ก้าวมายืนระหว่างชายหนุ่มหญิงสาวคู่นี้

 

ฝั่งนักกีฬาหลุนหวยถึงขั้นกุมขมับ ไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกไปดีกับสถานการณ์เช่นนี้ บังเกิดบรรยากาศที่เรียกว่า ‘เดดแอร์’ ไปชั่วขณะ เช่นเดียวกับฝั่งซิงซินที่อึ้งกิมกี่ไม่แพ้กัน

 

ผิดกับฝ่ายผู้ถูกท้าทาย ถังโหรวอึ้งไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น ใบหน้าหล่อเหลาแย้มรอยยิ้มสว่างไสวอย่างที่ไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก

 

 

“ไว้เจอกันคราวหน้านะ เสี่ยวหมิง”

 

 

เสียงกรี๊ดราวฟ้าถล่มจากแฟนคลับสาวในสนาม กรีดร้องกันด้วยความรู้สึกริษยาที่ก่อตัวขึ้นพุ่งสูงทะลุฝ้าเพดานแข่ง

 

ตู้หมิงกะพริบตาปริบ ก่อนพยักหน้าอย่างเลื่อนลอย ราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง สองขาพาร่างลงจากเวทีแข่งอย่างช้าๆ ใบหน้าก้มต่ำ ก่อนจะซบอกกับแผ่นอกของกัปตันทีมที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด

 

 

… แล้วยืนนิ่งอยู่แบบนั้น….

 

 

“เฮ้ย!!! ยัยนั้นเป็นลมไปแล้วเหรอ!!!”

 

 

เจียงปัวเทาแทบจะล้มลงตามไปอีกคน ใครก็ได้ดึงสติยัยเด็กคลั่งรักนี่ทีเถอะ!!

 

end.

talk zone : จบเถอะค่ะ ขำจนกร้ามคนแต่งจะค้างแล้วค่ะ 555555555555+

[QZGS Fic] Breakfast [หวงอวี้]

[QZGS Fic] Breakfast [หวงอวี้]
Fandom : Quan Zhi Gao Shou เทพยุทธ์เซียนGlory
Pairing : หวงเส้าเทียนxอวี้เหวินโจว

Note : ไม่รู้จะโน็ตอะไรเอาเป็นว่าจิ้มอ่านฟิค  Trash Talk  ก่อนน่ะต๊ะเอง

พาร์ทนี้ไม่มีอะไร NSFW แต่น่าจะ OOC หนักมาก เพราะผ่านฟิลเตอร์คนหลงแฟนและอยากเห็นพี่อวี้โดนต้อนบ้างอะไรบ้าง

ปล.หมั่นไส้เส้าเทียนล่ะเกินนน

 

 

 

[ มื้อเช้า ]

 

 

 

 

แสงแดดอ่อนจางลอดผ่านผ้าม่านผืนโปร่ง ทอดเงาลงบนผิวเนื้อเนียนที่ทั่วร่างแต่งแต้มไปด้วยรอยจูบสีแดงจางราวกลีบกุหลาบบนผืนผ้าขาว

ผ้าม่านพลิ้วไหวยามต้องลม เงาแสงจึงพาดผ่านดวงตาที่ปิดพริ้มอยู่ให้เปิดลืม เจ้าของขยับเปลือกตาช้า รู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าเสียจนคร้านจะตื่น ร่างกายทุกส่วนร้องประท้วงด้วยอาการปวดร้าวอย่างยิ่ง ตอนพยายามพลิกเปลี่ยนอิริยาบถ เสียแต่ติดอะไรบางอย่างจนไม่อาจเคลื่อนไหวได้มากกว่านี้

“อรุณสวัสดิ์”

คำสวัสดียามเช้า ตามด้วยริมฝีปากที่แตะลงบนเปลือกตา ปลายนิ้วเกลี่ยไปตามผิวแก้มและเรียวปากที่แดงช้ำเล็กน้อย

ดวงหน้าสดใสร่าเริง ท่ามกลางแสงอาทิตย์เจิดจ้าเช่นนี้ดูอบอุ่นละมุนละไม

อวี้เหวินโจวจึงคลี่รอยยิ้มที่ ‘อ่อนโยน’ อย่างยิ่งให้ตอบแทน ปราศจากร่องรอยความง่วงงุน อาการสะลึมสะลือเช่นคนเพิ่งตื่นนอนก็หามีให้เห็นไม่

“เส้าเทียน…”

น้ำเสียงเรียบเย็นเอ่ย หากเสียงแหบแห้งนั้นหาได้สร้างความเกรงกลัวต่อคนฟังไม่ ยังคงยิ้มบางๆ จ้องมองเขาอยู่อย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน

ดูเอาเถอะ ยิ้มตาใสเสียจนแก้วตาคู่นั้นมองเห็นใบหน้าเครียดขึ้งของตนเลยทีเดียว

อวี้เหวินโจวพรูลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน คงเป็นเขาที่ตามใจสัตว์เลี้ยงจนเสียนิสัยเอง คิดได้เช่นนั้นก็จัดการรวบผ้าห่มขึ้นมาจรดแผ่นอก และยันกายขึ้นจากที่นอน ความรวดร้าวแล่นผ่านจากเบื้องล่าง แต่กระนั้นก็ยังไม่ถึงขั้นเจ็บปวดหรือเกิดบาดแผลอะไร อย่างไรเสียคบหากันมานานหลายปี อีกฝ่ายย่อมรู้ขีดจำกัดของเขาดีว่าทำได้มากแค่ไหน

“อ๊ะ! อ๊ะ! อย่าเพิ่งๆ อย่าเพิ่งลุกสิกัปตัน… กัปตันค่อยๆ ขยับตัว ไม่ต้องรีบหรอก วันนี้ผู้จัดการให้นายลาหนึ่งวัน”

“หือ..?”

อวี้เหวินโจวส่งเสียงในลำคอ แต่น้ำเสียงโรยแรง ซ้ำยังแหบพร่า ไร้ความนุ่มนวลและเยือกเย็นเช่นปกติ หนำซ้ำริมฝีปากแดงระเรื่อกับตาปรือปรอยแบบนั้น ต่อให้ดุเสียงแข็งยิ่งกว่านี้ก็ไม่ได้น่าหวาดเกรงแต่อย่างใด

ไหนจะพูดถึงความจริงที่ว่า เขาไม่เคยกลัวอีกฝ่ายเลยสักนิดก็เถอะ

อะไรนะ? ฟังตามคำสั่งทุกประการ ไม่มีบิดพลิ้วก็นับเป็นความหวาดกลัวแบบหนึ่ง

ตลกน่า… เหวินโจวเป็นกัปตันนะ! เชื่อฟังอย่างว่านอนสอนง่าย ถือเป็นการให้เกียรติตั้งหาก

กลัวเก่ออะไร ไม่มี๊ไม่มี ระดับเกอ.. หวงเส้าเทียนคนนี้มีหรือจะกลัวใครหน้าไหน!!

“อะไร อะไร มองด้วยสายตาแบบนั้น ไม่ไว้ใจฉันเหรอ เกอไม่โกหกนายหรอก เคยเหรอ? เคยเหรอ? เคยสักครั้งหรือเปล่าล่ะ?”

มือเอื้อมมาแตะหัวไหล่ รั้งลงให้เอนกายนอนตามเดิม

“ไม่…” อวี้เหวินโจวมองหน้าคนทำ ไม่ปิดบังความเคลือบแคลงสงสัยแม้แต่น้อย หากไม่ได้ขืนตัว เนื่องจากสภาพร่างกายไม่อำนวย สุดท้ายจึงได้กลับลงไปนอนกับเตียงเช่นก่อนหน้านี้ ศีรษะเกยบนหมอนนุ่ม ตะแคงข้างมองคนผุดลุกขึ้น รวบม่านตรงหน้าต่างให้เรียบร้อย

นัยน์ตาสะท้อนภาพของคนที่เดินเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายบนพื้นห้อง กองเสื้อผ้าระเกะระกะ ความรู้สึกบางอย่างในอกวูบไหวเสียจนเกรงว่าจะเล็ดลอดออกมา

น้อยครั้งนักที่เขาจะทำความเข้าใจกับสิ่งใดไม่ได้ แต่ในความสัมพันธ์ของตัวเขาและหวงเส้าเทียนเอง ยากเกินไปที่จะแจกแจงหรือจำกัดความได้

“นายเหม่ออีกแล้ว… เหวินโจว”

ลมหายใจอุ่นระรดอยู่ข้างหู เสียงกระซิบแผ่วเบาพร้อมริมฝีปากที่ทาบจูบลงตรงขมับ ก่อนจะโน้มลงแตะหน้าผาก

“มีไข้จริงๆ ด้วย ฉันกะไว้ไม่ผิดเลย ดีที่เดินไปขอเลื่อนประชุมวันนี้แทนนาย”

เสียงที่เอ่ยอ่อนโยนเกินไป ใกล้ชิดเกินไป พอได้ยินแล้วพาลรู้สึกไม่คุ้นชิน จนต้องเบือนหน้าหนีอย่างที่ไม่เคยทำ

“ไหนว่าไม่ได้โกหกว่าผู้จัดการให้ฉันลา”

หวงเส้าเทียนนึกขำคนที่พลิกตัวหนีเขา ก่อนจะชะโงกหน้าข้ามมาจ้องตาตรงๆ อีกครั้ง

“โกหกตรงไหน ฉันแค่เดินไปหาผู้จัดการบอกว่าจะเข้าประชุมแทนนาย เพราะวันนี้นายไม่พร้อมเท่านั้นเอง”

“เส้าเทียน…”

คนนอนอยู่ร้องท้วง รับรู้ได้ว่าชัยภูมิที่ตั้งของตัวเองเสียเปรียบเกินไปที่จะต่อกรกับคนตรงหน้า ภาพลักษณ์ใจร้อน วู่วาม ขาดความละเอียดอ่อนมาจากคำพูดฝอยไม่หยุดอันหาสาระไม่ได้ของหวงเส้าเทียน แต่คนที่รู้ดีกว่าใครว่านั้นเป็นหนึ่งในหน้ากากที่เจ้าตัวเลือกหยิบฉวยมาใช้งานเพื่อสร้างโอกาสให้ตัวเองก็คือเขา

การรุกไล่เป็นการป้องกันที่ดีที่สุด เพราะไม่เปิดช่องให้ฝ่ายตั้งรับตอบโต้ จ้าวกลยุทธเช่นตนมาโดนย้อนศรเช่นนี้พาให้อยากบีบคอคนได้เปรียบขึ้นมาครามครัน

“วันนี้กัปตันหยุด ไม่ต้องประชุม ไม่ต้องไปไหน พอดีเลย… ตารางซ้อมฉันก็เลื่อนไปช่วงเย็นพอดี”

ไพ่ราชาแห่งหลานอวี่กล่าว พลางรวบกอดเจ้าของร่างบนเตียงที่เหล่มองตนตาขวาง

“โรงอาหารสโมสรก็ยังไม่เปิดเลยด้วย”

ใบหน้าเปื้อนยิ้มโน้มต่ำลงมา หยุดลงในระยะจวนเจียนจะแตะจูบลงบนริมฝีปากบางของกัปตันคนดี

 

อวี้เหวินโจวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่ายหน้าให้อย่างจนใจว่าวันนี้คงต้องถูกคนตรงหน้าฉวยโอกาสไปทั้งวันอย่างแน่นอน

 

มือเรียวบางคู่หนึ่งประคองใบหน้าที่เลื่อนมาใกล้อย่างนุ่มนวล ก่อนจะเป็นฝ่ายแนบจูบไปบนเรียวปากที่รอรับ

 

วันนี้…

ใครบางคนคงอิ่มจนไม่ต้องกินมื้อเช้า

 

 

 

end.

talk zone : จบเถอะค่ะ หมั่นไส้  อิจฉานางล่ะเกินนนนน มื้อเช้า…. ของเส้าเทียนค่ะ ได้กินตุ้ยจ่าง นี่ว่าหมาก็อิมทิพย์ทั้งวันล่ะค่ะ 555555555555

 

 

[QZGS Fic] Trash Talk [หวงอวี้]

[QZGS Fic] Trash Talk [หวงอวี้]
Fandom : Quan Zhi Gao Shou เทพยุทธ์เซียนGlory
Pairing : หวงเส้าเทียนxอวี้เหวินโจว

Note : แค่อยากรังแกพี่อวี้……. //ไหว้พี่ก่อนเลยค่ะจุดนี้ โดนสาปแน่ๆ 5555555555555

Warning : NSFW  น่ะต๊ะเองงงงง

 

 

 

 

[ คำขยะ ]

 

 

 

 

“เหวินโจว… เหวินโจว”

น้ำเสียงน่ารำคาญยังดังวนเวียนอยู่ไม่ห่าง ริมฝีปากคนพร่ำพูดยังไม่เลิกขบเม้มใบหูเขา

มันน่าแค้นใจนัก…

“เหวินโจว… อวี้เหวินโจว พอเรียกชื่อนายยิ่งสั่นเเฮะ!! รู้สึกดีเหรอ รู้สึกดีมากเลยใช่มั้ย เนอะ! เนอะ!! ระดับฉันแล้วนี่น่าา”

“เส้าเทียน… เงียบ” เค้นเสียงออกมาว่ากล่าวอีกครั้งก็ยังมีแต่เสียงคราง

 

 

ถ้อยคำขยะของอริยดาบแห่งหลานอวี่มีอิทธิฤทธิ์เลื่องลือแค่ไหน ทุกคนย่อมรู้แก่ใจดี นอกเสียจากคนไร้ขีดจำกัดล่างและเชี่ยวชาญคำขยะนี้แล้ว ล้วนบาดระคายหูยามได้ยินเป็นอย่างยิ่ง

หวงเส้าเทียนเป็นคนน่ารำคาญมาก

แบบที่คนคิดถึงก็อยากหาตะกร้อมาครอบปากที่พูดพล่ามไม่หยุดนั้น กระทั่งนักข่าวประจำหลานอวี่เองที่เคยชินกับท่านเทพจอมฝอยแล้วก็ยังอดจิกกัดไม่ได้อยู่ดี

‘กัปตันอวี้เคยมีอารมณ์ประมาณว่าหวงเส้าเทียนน่ารำคาญ อยากให้เขาพูดน้อยลงหน่อยบ้างไหม?’

ถ้อยคำนี้กล่าวออกไป เป็นคนอื่นคงตอบทันทีว่าแน่นอน!! ใครไม่อยากให้หมาบ้านั่นหุบปากบ้างล่ะ!

แต่ไม่ใช่กับอวี้เหวินโจว … ความคิดเห็นที่มีต่อรองกัปตันทีมและไพ่ราชานั้น นับว่าน่าซาบซึ้งในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกันทีเดียว

รอยยิ้มอ่อนโยนอันเป็นเอกลักษณ์ถูกส่งให้จนคนสัมภาษณ์หลงเคลิ้มไปชั่วขณะหนึ่ง

‘ไม่ว่าใครก็คิดทั้งนั้น ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง แต่ตลอดเวลานั่นแหละ แต่ว่าเพราะเป็นเพื่อนกัน แค่นี้ทนได้’

ถึงความหมายโดยนัยจะแปลว่า ‘รำคาญ แต่รับได้’ ก็ตาม แต่กับผู้ที่มีระบบคัดกรองถ้อยคำขยะของหวงเส้าเทียนและนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วก็คงนับได้ว่า ‘รับได้’ ในขอบเขตของเจ้าตัว

 

แต่นั่นหมายถึงถ้อยคำขยะของคนเป็นเพื่อนกัน

 

 

เพราะทุกครั้งที่หวงเส้าเทียนสลัดคราบอริยดาบแห่งหลานอวี่ ไพ่ราชา หรือตัวตนอื่นที่เป็นฉากหน้า หลงเหลือเพียงตัวตนที่แท้จริง

ถ้อยคำขยะนั้นเล่นงานเขาเสียจนแทบอยากจะหาอะไรมา…

 

“เหม่อเหรอ? เหม่อเหรอ เหวินโจวนิสัยไม่ดีเลยน้าาา อยู่กันสองคนแค่นี้ยังคิดถึงเรื่องอื่นอีก ฉันเสียใจน่ะรู้มั้ย ดูสิ! ออกจะสนิทแนบแน่นกันขนาดนี้ ยังใจลอยได้อีก”

“หืม… ใจลอยไปถึงไหนแล้ว”

สุ้มเสียงที่กล่าวออกมานั้นร่าเริงสดใจเป็นอย่างมาก ผิดกับเบื้องล่างรุกล้ำเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างหนักหน่วง เสียงหอบหายใจคละเคล้าไปกับเสียงหยาบโลนของผิวกายที่เสียดสีกัน

“เส้าเทียน… อย่า….เพิ่ง…”

ริมฝีปากนุ่มอุ่นทาบทับลงมาปิดกลั้นเสียงประท้วง สอดแทรกเข้าไปแตะต้องปลายลิ้นของอีกฝ่าย สัมผัสคล้ายกับจะปลอบประโลม แต่ในขณะเดียวกันก็ดูดดึงกลืนกินของเหลวภายในของตะกรุมตะกราม เนิ่นนานจนคล้ายพอใจแล้วกว่าจะผละจาก

“เหมือนน้ำหวานเลย… กัปตัน”

คุณชายหวงยิ้มร่า พลางไล้เลียบนกลีบปากอ่อนนุ่มที่ยังคงสั่นระริก ไม่อาจนึกคำด่าทอหรือห้ามปรามให้หนักแน่นพอได้ในยามนี้

แผ่นอกสะเทือนไหวรัวแรงจากความรู้สึกที่ถูกปลุกเร้าโดยที่ไม่ต้องการ ใบหน้าที่มักคลี่ยิ้มอ่อนโยนและเยือกเย็นแดงระเรื่ออย่างน่ามอง

“กัปตัน… กัปตัน…. ทำไมถึงเงียบซะแล้วล่ะ ฉันน่ะนะ ชอบเสียงเวลากัปตันพูดที่สุดเลย ยิ่งเสียงครางนี่ยิ่งฟังยิ่งชอบ”

“เหวินโจวคนดี… เหวินโจวของฉัน” น้ำเสียงออดอ้อนกระซิบริมหู ปลายนิ้วขยับลูบไล้หยอกล้อเสี่ยวอวี้เด็กดีจนแข็งขืนอย่างน่าเอ็นดู พลางขยับลึกเข้าไปในช่องทางด้านหลัง ขณะเดียวกันก็ยกขาสองข้างอีกฝ่ายพาดไว้บนไหล่ แล้วขยับเอวส่งแรงกระทั้นกายเข้ามาอย่างเชื่องช้า หากทุกการเคลื่อนไหวที่สอดใส่ จงใจเน้นย้ำจุดไวสัมผัสภายใน เรียกเสียงครวญแผ่วจากคนด้านล่างให้ตามติดทุกครั้งที่ขยับกาย

“หยุด…” ริมฝีปากที่ข่มกลั้นขืนเสียงครางไม่ให้เล็ดลอดออกมา ฝืนกล่าวปรามได้เพียงคำสั้นๆ ดวงตาสีอ่อนหรี่ปรืออย่างคาดโทษ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยออก ก็ถูกเน้นย้ำจากจุดอ่อนในร่างให้ผวาเฮือกเสียก่อน

“สะ…เส้า เทียน…”

ฝ่ามือที่จิกลงบนไหล่เกร็งแน่นด้วยความทรมาน ลมหายใจหอบสะท้านจนแผ่นอกกระเพื่อมไหวรัวแรง เมื่อเขาคาร่างตัวเองไว้ภายในนิ่งๆ

“เหวินโจวบอกให้ฉันหยุด ฉันก็หยุดไง ฉันเป็นคนดีเชื่อฟังสุดที่รักตลอดอยู่แล้วนะ! แต่เอ๋… ข้างล่างนี่รัดฉันแน่นเลย เหวินโจว…. เหวินโจวคนดีที่จริงแล้วลามกกว่าฉันอีกน่ะนี่!!”

“หวง… เส้า… เทียน…”

ความที่ไม่เคยใช้ฝีปากด่าทอใคร ในหัวจึงไม่มีคำด่าพ่อล้อแม่เลยแม้แต่น้อย ได้แค่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกรอด สรรเสริญบรรพบุรุษความหน้าด้านหน้าทนของคนด้านบนแทน

“เรียกฉันเหรอ… ไหนล่ะ อยากให้ทำอะไร พูดชัดๆ หน่อยสิเหวินโจว เบาๆ แบบนี้ฉันไม่ได้ยินหรอกนะ พูดสิ… พูดหวานๆ ให้ฟังหน่อย”

 

กัปตันคนดีของเขาเม้มริมฝีปากแน่นคล้ายกับกำลังนึกคำสาปแช่งอยู่ แต่เหมือนร่างกายจะปฏิเสธความปรารถนาที่กลุ้มรุมอยู่ไม่ได้ เสี่ยวอวี้น้อยที่เสียดสีกับหน้าท้องเขาหลั่งรินของเหลวหยาดเยิ้มออกมาแสดงความปั่นป่วนของร่างกายเจ้าของได้เป็นอย่างดี

“หืม… ทรมานเหรอ ใจแข็งจังเลยน้าา แค่พูดออกมาเอง กัปตันอวี้ที่ตรงไปตรงมาคนนั้นทำไมไม่กล้าพูดสิ่งที่ต้องการล่ะ….”

เขากดจูบลงบนริมฝีปากที่หอบหายใจเบาๆ พลางยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ไม่พูดฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าต้องทำอะไร”

“นี่… กัปตัน ฉันต้องทำยังไง”

สงครามประสาท ยั่วเย้า ถ้อยคำขยะ เป็นความถนัดของเขาทั้งสิ้น ฉายานักฉวยโอกาสล้วนมาจากสิ่งเหล่านี้ ที่ยุแยงจนเปิดช่องว่างให้เขาช่วงชิงผลประโยชน์ได้ และความใจเย็นที่ตรงข้ามกับภาพลักษณ์หัวร้อนก็เช่นกัน

เขาค่อยๆ ขยับส่วนที่เชื่อมประสานกันให้ไปให้ลึกล้ำยิ่งขึ้น จงใจกระทั้นเข้าไปสัมผัสส่วนอ่อนไหวที่สุดของอีกฝ่ายซ้ำไปซ้ำมาอย่างเชื่องช้าไม่รีบร้อน แต่เมื่อใกล้จะปลดปล่อยก็ถอดถอนออกไปอย่างรู้จังหวะ

หยาดน้ำตาหยดลงตรงปลายดวงเนตรสีอ่อนด้วยความทรมานที่สุ่มอยู่ภายใน เรียกร้องต้องการถูกเติมเต็ม

“…มา…” เสียงอนุญาตดังมากกว่าเสียงกระซิบเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ชัดเจนจนเขาพอใจอยู่ดี

อวี้เหวินโจวสั่นไปทั้งร่าง ยามพยุงร่างตัวเองเข้ามาแนบชิดและสวมกอดเขา

“เข้ามา…”

เสียงแผ่วเบาหวิวแทบจะไม่ได้ยิน

“ตรงไหนกัน”

แกล้งตอบ พาซื่อไร้เดียงสากะทันหัน

“เข้ามา…” เสียงกระซิบแผ่วฝืนเอ่ยออกมาอย่างจำยอม ปลายเสียงแหบพร่าเล็กน้อย “…ในตัวฉัน”

“คนดี… เหวินโจวคนดี” ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยน แตะจูบเบาๆ บนหน้าผากชื้นเหงื่อของอีกฝ่าย

“ในเมื่ออนุญาตแล้ว ฉันก็เข้าไปล่ะนะ”

เสียงครางต่ำของสองร่างที่แนบชิดหลอมรวมกัน แรงกระแทกบดเบียดเข้ามาในร่างหนักหน่วงรุนแรงเสียจนร่างด้านใต้ต้องยึดเกาะตัวเขาไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวคล้ายกับสัมผัสเนิบนาบเชื่องช้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น และปลดปล่อยออกมาทั้งที่สองแขนยังคงโอบกอดกันและกันไว้

หวงเส้าเทียนรวมร่างอีกฝ่ายเข้ามาชิด เกลี่ยเส้นผมสีเข้มจัดที่เปียกแนบใบหน้าเนียน ก่อนแตะจูบลงบนเปลือกตาปรือปรอยคล้ายจะหมดสติของคนรัก

 

end.

 

talk zone : พี่เมขายให้มานานแล้ว เพิ่งได้เอามาขัดๆ เกลาๆ เอาวันนี้ค่ะ ฮา ห่างหายจากอะไรแบบนี้ไปนาน ย่อไหว้รอบวงนะคะ 55555555

ปล.แต่น้องก็อยากเห็นเส้าเทียนเวอร์ชั่นอะเกรฟซีพใส่พี่อวี้ของพี่เมนะคะ แอรรรร๊

 

 

 

 

[QZGS Fic] ไกลเกินพันลี้ [Pro]

[QZGS Fic] ไกลเกินพันลี้ [เยี่ยหลาน]

Fandom : Quan Zhi Gao Shou เทพยุทธ์เซียน Glory

Pairing : เยี่ยซิว x หลานเหอ

Note : AU แนวย้อนยุคโบราณ สมัยเจ็ดแคว้นของจีน มีความเมากาวและยำใหญ่พอประมาณจากเจ็ดมาเหลือห้า ด้วยความขี้เกียจค่ะ ชื่อฟิค เชียนหลี่จือไว่ (千里之外) ไกลเกินพันลี้ มาจากการคว้านหาตัวเสี่ยวหลานของพี่เยี่ย *me จริงๆ จิ้มๆ มาจากชื่อเพลงจีนที่ชอบค่ะ ยากกว่าแต่งฟิคก็คิดชื่อฟิคนี่แหละค่ะ ฟฟฟฟฟ

 

 

 

 

 

เชียนหลี่จือไว่
[ 千里之外 ]

 

 

 

 

รัฐซิงซิน อดีตรัฐเจียซื่อ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก อาณาเขตกว้างใหญ่ทางผ่านสู่ทวีปตะวันตก ระบบทหารอ่อนแอ จากระบบเกณฑ์ตามศักดินา ประชาชนแร้นแค้นอดอยาก แม้มีความอุดมสมบูรณ์ ทั้งป่าเขา ทุ่งหญ้าและแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่าน แต่ที่ดินไร่นาเป็นของเชื้อพระวงศ์และขุนนาง ต่อมามีการปฏิรูปจัดสรรที่นาให้ชนชั้นล่างทำกิน เปลี่ยนแปลงระบบทหารให้เป็นการขันอาสา มีรางวัลจากการทำศึก การเมืองและการทหารจึงเข้มแข็งมากขึ้น ปัจจุบันมีกำลังทหารราวหนึ่งล้านคน ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดารัฐทั้งหมด

รัฐเว่ยเฉา อยู่ทางใต้พื้นที่กว้างขวางที่สุด ซึ่งเพราะเหตุผลนี้การเดินทางไม่สะดวกสบาย ทำให้ความดูแลภายในรัฐเลยไม่ทั่วถึง กำลังทหารไม่แน่ชัด แต่มีปราการธรรมชาติคือเทือกเขาและแม่น้ำสายใหญ่ยากเคลื่อนพลผ่าน

รัฐหลุนหวย อยู่ทางตอนเหนือติดทุ่งหญ้าและเผ่านอกด่าน เลี้ยงม้าเยอะมาก จึงทำให้เชี่ยวชาญการรบบนหลังม้า กองทัพเข้มแข็ง มีนักรบมากกว่านักปราญช์นักคิด กำลังทหารเป็นรองเพียงรัฐซิงซิน แต่ก็ยังน้อยกว่าซิงซินอยู่ครึ่งหนึ่ง

รัฐหลานอวี่ ครอบครองดินแดนตอนกลางที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด มีบัณฑิตและนักปราญช์นักคิดมากมาย เจริญรุ่งเรืองด้วยนโยบาย ‘ต้อนรับคนดีมีฝีมือ ไม่เกี่ยงเลือกว่าจะต้องเป็นคนแคว้นหวานอวี่เท่านั้น’ แต่ตกอยู่กลางวงล้อมของรัฐอื่นๆ มีกระทบกระทั่งโดยรอบตลอดเวลา มีกำลังทหารเพียงสองแสนคน แต่อาศัยการทูตความประนีประนอม และเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับซิงซินและหลุนหวย

รัฐป้าถู ตั้งอยู่ทางตะวันออกติดทะเล อดีตมีชื่อยิ่งยงเคียงคู่มากับเจียซื่อในยุคแรกเริ่ม ทั้งด้านการเมืองและการทหาร จนมีคำกล่าวว่า เจียซื่อครองตะวันตก ป้าถูครองตะวันออก ปัจจุบันไม่ค่อยยุ่งเรื่องราวภายนอกแคว้นเท่าใดนัก

 

ณ ปัจจุบัน

ในการฉลองพิธีสถาปนาขึ้นเป็น ต้าอ๋องเยี่ยแห่งแคว้นซิงซิน เกิดการขัดขวางจากกลุ่มกบฎผู้ภักดีต่อเถาอ๋องแห่งเจียซื่อ อดีตอ๋องของแคว้นเข้าขัดขวางงานสถาปนานี้ หวังลอบปลงประชนม์ต้าอ๋องคืนอำนาจสู่สายเลือดเจียซื่อ อาศัยจังหวะที่กำลังป้องกันเมืองหลวงอ่อนลง จากการที่แม่ทัพหญิง ซูมู่เฉิงขอเดินทัพ ตี ‘หลานซีเก๋อ’ เมืองหน้าด่านแห่งหลานอวี่เป็นของขวัญแก่เยี่ยอ๋อง แม้ได้ถึงกำจัดได้ในเวลาต่อมา แต่ก็มีบางส่วนหลบหนีเข้าสู่แผ่นดินแคว้นหลานอวี่อยู่ดี

ฝ่ายอวี้อ๋องแห่งแคว้นหลานอวี่ได้ข่าว ถึงส่งแม่ทัพใหญ่ หรือที่รู้จักกันทั่วทั้งห้าแคว้นในฉายา ‘อริยดาบ หวงเส้าเทียน’ ช่วยเหลือห้ายอดฝีมือของหลานซีเก๋อเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนให้อพยพออกจากเมืองให้มากที่สุด

แบ่งกำลังเป็นสองฝ่าย แยกกองกำลังที่จะติดตาม โดยเหลี้ยงอี้ชุนและหลานเฉียวชุนเสวี่ย ซี่โจวคุมกลุ่มคนชุดแรก สู่กวงเฉวียนปิง รู่เยี่ยหาน และปี่เหยียนเฟยคุมกลุ่มที่สอง

การปะทะของยอดจอมยุทธดาบอันดับหนึ่งและมือเกาทัณฑ์หญิงอันดับหนึ่ง แสงสว่างวาบของคมดาบที่ฟาดกันผ่านผ่าธนูดำเนินอยู่สามวันสามคืน

เปลวเพลิงลุกท่วมหลานซีเก๋อ หลังฝุ่นควันจางหายมีแต่ซากปรักหักพังและรอยเลือด

ยามเมื่อหลานเหอหรือหลานเฉียวชุนเสวี่ยย้อนกลับมา พบเจอเพียงดาบเยือกแข็ง… อาวุธคู่มือของแม่ทัพแห่งหลานอวี่

… ไร้เงาร่างหวงเส้าเทียน … อริยดาบผู้นั้นหายสาบสูญ…

ท่ามกลางเศษซากของเมืองที่เหลืออยู่ กลิ่นไหม้ของเลือดเนื้อ กลิ่นของคนตายทำให้เขาแทบสิ้นหวัง เด็กหนุ่มทรุดลงตรงหน้าดาบที่บัดนี้ไร้เจ้าของ ใจหวนคิดถึงคำพูดหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ของผู้เป้าหมายสูงสุดในชีวิตนักดาบของตน นานครั้งที่เจ้าตัวจะไม่ฝอยนอกเรื่องให้ผู้อื่นเบือนหน้าหนี

‘เสี่ยวหลานเอ๋ยเสี่ยวหลาน ใจดีเกินไปเช่นนี้ ครุ่นคิดห่วงกังวลเช่นนี้ หาใช่คุณสมบัติของนักดาบ อย่าหาว่าเกอดูถูกเลยนะ เจ้าไม่เหมาะกับวิถีจอมยุทธดาบหรอก’

ประกายกล้าบนคมดาบที่คราบเลือดเกรอะกรังไม่อาจทำให้หมองหม่น

“เหล่าชุน… ข้า…”

มือใหญ่วางบนลาดไหล่เล็ก บีบแน่นเพื่อให้กำลังใจ

“ข้าจะไปด้วย หากท่านเทพหวงยังมีชีวิตอยู่ ที่เดียวที่จะกลับไปย่อมข้างกายท่านผู้นั้นแน่นอน”

เหลียงอี้ชุนกล่าว หลานเฉียวชุนเสวี่ยหรือชื่อจริง ‘สวี่ปั๋วหยวน’ พยักหน้ารับ ในห้าแว่นแคว้นนี้ แม้ท่านเทพหวงเส้าเทียน อริยดาบแห่งหลานอวี่จะไม่ได้เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่ง แต่ทุกผู้นามต่างรู้ดีว่าคมดาบนั้นมีไว้เพื่อปกป้องคนคนเดียว

อ๋องแห่งหลานอวี่ ‘อวี้เหวินโจว’

ผู้ซึ่งทั้งสองคนหาได้ล่วงรู้ว่าได้ถูกควบคุมตัวจากคำสั่ง ต้าอ๋องแห่งซิงซิน จำกัดบริเวณในวังส่วนตัว ตัดขาดโลกภายนอก ปิดกั้นข่าวสารทั้งหมด สารแจ้งเตือนหลานซีเก๋อถูกตีแตก ได้รับคัดแยกและเผาทำลาย

เช่นเดียวกับข่าวการหายสาบสูญของหวงเส้าเทียน

 

 

 

เยี่ยซิวกำลังฝัน

ฝันถึงเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อน ตัวเขาที่ถูกขับไล่จากเจียซื่อ ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ควรรู้ว่าแม้ในอดีตตัวเขาจะแข็งแกร่งเกรียงไกร เป็นเทพสงครามไร้พ่าย แต่เขาก็ไม่ได้เป็นเทพจริงๆ เป็นมนุษย์ปุถุชนที่มีร่างกายของคนธรรมดา ในสภาพการไล่ล่าอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ เก่งกล้าเพียงไรก็ย่อมมีช่วงที่เหนื่อยล้า

ฝ่ามือเรียวเล็กของจอมยุทธดาบน้อยผู้หนึ่งได้ยื่นมาช่วยเหลือ สองมือเก้ๆ กังๆ ทำแผลให้ตัวเขาที่ทั้งร่างแดงฉานไปด้วยโลหิต มือคู่นั้นสั่นระริกในยามที่กดห้ามเลือดไว้

คนรอดตายหวุดหวิดกลับหัวเราะ นึกขันกับความไร้เดียงสาต่อโลกของเด็กคนนี้

“มันใช่เวลามาขำมั้ย!! หัวเราะจนพุงกระเพื่อมเช่นนั้นถ้าแผลปริแตกมากกว่านี้ ข้าคงได้แต่เอาเสื้อมากดให้ท่านห้ามเลือดแล้ว!!”

ผิดคาด… นึกว่าคนตรงหน้าจะเป็นเด็กน้อยสุภาพเรียบร้อยเสียอีก

ในห้วงสติอันเลือนราง เขาฝีนเปิดเปลือกตาขึ้น หมายจะประทับเก็บภาพของผู้มีพระคุณไว้ในความทรงจำติดตัว หากต้องลาโลกนี้ไปจริงๆ

ผมสีคราม ตาสีฟ้า ผิวพรรณและเค้าหน้าหมดจด ตามแบบฉบับชาวหลานอวี่แต่กำเนิด

 

เสี่ยวหลานอา… เสี่ยวหลาน…

เขาเรียกขานชื่อนี้ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

หวังว่าจะได้ตื่นขึ้นมายลโฉมหน้าของอีกฝ่ายให้ชัดเจน

 

 

แต่เฉกเช่นในวันนั้นที่เขาตื่นขึ้นมาพร้อมผ้าพันแผลที่ถูกเปลี่ยนใหม่ ปราศจากเงาร่างของใครบางคนที่ประคับประคองเขาไว้ตลอดคืน

 

ในวันนี้… ที่ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่บนฝ่ามือตน

ข้างกายก็ยังคงว่างเปล่าเช่นเดิม

 

เยี่ยซิวฟังรายงานการจับกุมกลุ่มกบฎผ่านหูอย่างไม่ใคร่ใส่ใจนัก อย่างไรเสียด้วยกองกำลังที่สิ้นหัวหน้าคอยนำทาง แตกกระสานซ่านเซ็น ไม่นานนักก็จะถูกกำจัดสิ้นในที่สุด

“หลานอวี่…?”

“ล่าสุดได้รับรายงานว่ามีกองกำลังกลุ่มใหญ่ของกบฎซ่องสุมอยู่แถบเขตเมืองหลวงหลานอวี่ แต่สถานการณ์ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนัก นอกจากทหารรักษาการณ์แล้ว ยังมีกองกำลังพิเศษที่ควบคุมตัวอวี้เหวินโจวอยู่ด้วย คงไม่อาจสร้างคลื่นลมอะไรได้”

ถังโหรว แม่ทัพซ้ายแห่งซิงซินขมวดคิ้ว หญิงสาวอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดจึงต้องส่งกองกำลังพิเศษที่มียอดฝีมือหลายคนไปเป็นผู้ดูแลอวี้อ๋องแห่งหลานอวี่ผู้นั้นด้วย บุรุษอ่อนแอผู้ถือจับได้เพียงพู่กันเช่นนั้นจะหลบหนีหรือสร้างปัญหาได้อย่างไร

“เสี่ยวถัง… เกอจะบอกอะไรให้นะ เหวินโจวมือพิการก็จริงอยู่ แต่ตรงนี้น่ะ ไม่ได้พิการไปด้วย”

เยี่ยซิวคลี่ยิ้มเอ็นดู ขณะที่แตะนิ้วลงข้างขมับตัวเอง

“อยู่ข้างกายเกอที่เก่งกาจทั้งบุ๋นบู๋ เสี่ยวถังอาจจะเคยชินจนเกินไป แต่ในบรรดาห้าแคว้นนี้ ผู้ที่เจนจบในศาสตร์และปราชญ์ทั้งหมด นอกจากเกอแล้วก็มี เหวินโจว อวี้อ๋องแห่งหลานอวี่ผู้นั่นแหละ”

“แต่ขาดมือเท้าที่ใช้ทำงานคนผู้นั้นจะทำสิ่งใดได้”

ต้าอ๋องแห่งซิงซินหัวเราะขำ กับใบหน้าสวยงามที่ขมวดคิ้วแน่นจนดุดันด้วยความงุนงง

“มือเท้าที่ว่านั้น อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเจ้าตัวหรอก”

กลับเป็นซูมู่เฉิงที่แย้มรอยยิ้มอ่อนหวาน กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงไพเราะยิ่ง

“หวงเส้าเทียน? คนคนนั้นตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ…”

แม่ทัพหญิงซูและเยี่ยอ๋องสบตากัน

“เป็นต้องเจอตัว ตายต้องเจอศพ ยามนี้เราไม่เจอทั้งตัวหวงเส้าเทียนหรือศพของคนผู้นั้น ยากจะบอกได้ว่าเป็นหรือตาย”

“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอเกอออกยืดเส้นยืดสายบ้างดีกว่า”

ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นจากตั่งเตียง พลางร้องเรียกชื่อคนผู้หนึ่ง

“เปาจื่อ”

ร่างสูงใหญ่ราวกับอสูรของเด็กหนุ่มแทรกกายผ่านประตูเข้าสู่ห้องส่วนพระองค์ ใบหน้าหล่อเหลาเยาว์วัยยิ้มสดใส

“ลูกพี่ๆ วันนี้จะไปเล่นที่ไหนกันเหรอ?”

มือเรียวสวยงามราวมือของหญิงสาววางลงบนศีรษะที่โน้มลงมาถามไถ่อย่างกระตือรือล้น

 

“เสี่ยวถัง เปาจื่อ ไปเปิดหูเปิดตากับเกอดีกว่า”

 

 

tbc.

talk zone : ความเล่นใหญ่นี้…… ถ้าอ่านไม่รู้เรื่องยังไงก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ คือถ้าเขียนรายละเอียดทั้งหมดนี่ กว่าอิพี่จะได้เจอเสี่ยวหลานอาจจะสี่ห้าตอนได้ เลยมีความตัดทอนไปพอสมควร ฟฟฟฟฟฟ

จุดเริ่มต้นคือแค่อยากเขียน AU ย้อนยุคเยี่ยหลานกับหวงอวี้ ที่พี่เยี่ยบังคับน้องหลานไปอยู่ด้วยแท้ๆ มาไกลเหลือเกินค่ะะ