[K Project-SF] …Lion… [ReishiMikoto]

:: Lion ::

 

ราชาสีแดงปรากฏตัวขึ้นหน้าห้องพักของเขาในสภาพเปียกโชกไปทั้งตัว เส้นผมสีแดงเข้มตัดสั้นปรกลงมาบนใบหน้า ไม่ได้ชี้ฟูเช่นทุกที ทำให้ดวงหน้าดวงนั้นดูอ่อนเยาว์ลงอย่างไม่น่าเหลือ

มุนาคาตะเห็นภาพนี้บ่อยครั้ง หากทุกคราวที่เห็นก็ยังอดใจเต้นไม่ได้อยู่ดี

“ขอยืมห้องน้ำหน่อย”

เสียงห้าวจัดกล่าวขึ้น มือเสยเส้นผมที่ระลงมาอย่างรำคาญใจ เสียงสบถตามติดออกมา แต่เขาไม่ได้สนใจว่าเป็นคำพูดใด

ดวงตาเบื้องหลังกรอบแว่นจดจ่อเพียงแค่ริมฝีปากบางเผยอสั่นของคนตรงหน้าเท่านั้นเอง

ห้องน้ำถูกเปิด ฝักบัวรินรดลงบนเส้นผมเปียกชื้น ตามด้วยแชมพูเป็นลำดับต่อมา มือเรียวยาวที่จับดาบอย่างสง่างามและคล่องแคล่ว

บัดนี้ทำหน้าที่สระผมให้กับร่างแขกไม่ได้เชิญซึ่งนอนเหยียดกายเต็มส่วนสูงอย่างสบายอารมณ์ ในน้ำอุ่นที่เจ้าของห้องรองไว้

“สบายอารมณ์จริงนะครับ สุโอ มิโคโตะ”

เขาว่า แต่ก็ไม่ได้หยุดมือ เปลือกตาที่หลับพริ้มปิดสนิท เปิดลืมขึ้นมาข้างหนึ่ง นัยน์ตาสีทองคำเจิดจ้าที่เปล่งประกายเงยขึ้นสบอย่างเกียจคร้าน

“มีราชาสีน้ำเงินบริการให้ทั้งทีนี่ มุนาคาตะ”

ค่อนข้างเป็นถ้อยคำที่ยียวนกวนโมโหพอสมควรเลยทีเดียว แต่ -คู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อ- และปะทะฝีปากกันบ่อยครั้ง แทนที่จะเต้นไปตามคำยุยง

รอยยิ้มเย็นกลับวาดขึ้นบนใบหน้าอีกฝ่ายแทน

“งั้นผมเองก็คงได้รับเกียรติเป็นอย่างมากสินะครับ สำหรับการ -บริการ- ครั้งก่อนหน้านี้ที่เจอกัน”

“พูดเรื่องแบบนี้ได้หน้าตาเฉย ก็สมเป็นนายล่ะนะ” ลำคอพาดกับขอบอ่าง และหลับตาลง ทั้งที่ยังเอ่ยต่อ

“ใครเป็นฝ่ายเชิญชวนก่อนกันครับ?”

มุนาคาตะกล่าว พลางใช้ปลายนิ้วดันกรอบขึ้น เสียง ‘หึ’ ในลำคอดังตอบมา

ใบหน้าคมโน้มต่ำ ขณะที่มือประคองศีรษะที่แหงนเงยของอีกฝ่ายขึ้นรับจุมพิต

ลิ้นร้อนเเทรกสอดไปในโพรงปากราวกับงูที่เลื้อยหาเหยื่อ เพียงแต่เหยื่อตัวนี้ไม่หนีหรือหลบซ่อน กลับเลือกเผชิญหน้าและลงเล่นเอาล่อเอาเถิดกับฝ่ายรุกรานก่อนซะแทน

เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัด ตอบสนองซึ่งกันและกันด้วยความคุ้นชิน ขวดแชมพูกลิ้งร่วงแน่นิ่งกับพื้นกระเบื้อง

เงาในเอิ่งน้ำที่เจิ่งนองเพราะฝักบัวที่เปิดทิ้งไว้คือภาพร่างเปลือยเปล่าสีแทนอ่อนถูกโอบรัดแนบแน่นจากอ้อมแขนของชายหนุ่มผมสีน้ำเงิน รัดพันเลื้อยรัดราวกับงูกำลังกินเหยื่อ

เสียงครางหอบพร่าดังขึ้นเป็นระยะๆ ในห้องน้ำที่ปิดมิดชิดและเก็บกลั้นเสียง ทุกจังหวะหายใจ ทุกการเคลื่อนไหวดังก้องและสะท้อนในห้องเเคบๆ แห่งนี้

สองมือวางบนขอบอีกข้าง สะโพกสอบเพรียวถูกช้อนขึ้นสูงในลักษณะโก่งโค้ง แอ่นไปทางด้านหลัง สบู่เหลวราดลงเบื้องล่าง

มิโคโตะหัวเราะ

แม้เรือนกายจะถูกชำแรกแทรกเข้ามาโดยไม่รั้งรอ เสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจก็ยังดังอยู่เช่นนั้น

ฟันคมขาวของผู้ซ้อนกายลงด้านหลัง ฝังเขี้ยวลงที่หัวไหล่มนอย่างแรง เรียกอาการสั่นสะท้านจากคนอารมณ์ดีพร้อมเสียงตอดรัดจากจุดที่เชื่อมประสานกัน

มุนาคาตะกัดฟันกรอด พยายามสะกดกลั้นไม่ให้ตัวเองฝืนรุกล้ำเข้าไปอย่างป่าเถื่อน

หลังจากเสร็จสิ้นกันไปแล้วรอบหนึ่ง คนตรงหน้าที่ไม่ได้ออกเรี่ยวแรงอะไรนอกจากพยุงตัวและส่งเสียงคราง ก็ได้รับการอุ้มพาดบ่ามาโยนกองไว้บนเตียงกว้าง

“คุณนี่…. ตัวปัญหาจริงๆ นะครับ”

เสื้อผ้าหอมสะอาด เตียงอุ่นด้วยอุณหภูมิร่างกายของผู้เป็นเจ้าของที่นอนมาหลายชั่วโมง

ส่งผลให้พอหัวถึงเตียง เจ้าของเส้นผมสีแดงขดตัวราวกับจะจมลงไปในกองผ้าห่ม แม้เตียงจะกว้างขวางเพียงไร หากมีผู้ชายที่ตัวไม่เล็กนักนอนขดขวางอยู่ก็ยากที่จะแทรกตัวลงไปได้

มุนาคาตะลุกขึ้น ทำท่าจะผละจากไปจัดการหาที่ทางให้ตัวเอง. หากไม่ทันได้ขยับดั่งใจ ฝ่ามือของใครอีกคนก็คว้าหมับเข้าซะก่อน ตามด้วยมืออีกข้างขึ้นมาประคองฝ่ามือเขาที่เจ้าตัวเกาะกุมไว้

ปลายลิ้นร้อนผะผ่าวแตะต้องลงมาบนข้อนิ้วนาง ลมหายใจอุ่นระรดจนร่างกายเริ่มกระสับกระส่าย

เคยมีคนกล่าวไว้ว่า สุโอ มิโคโตะ เป็นเหมือนสิงโตเจ้าป่าผู้ดุดัน

แต่กลับลืมไปว่า…อย่างไรซะ สิงห์ก็ยังคงเป็นแมว

…….เพียงแค่ตัวโตกว่าเท่านั้นเอง…….

“ผมมีงานต้องทำต่อตอนเช้านะครับ” … ไม่มีเวลาเล่นด้วย

ราชาสีน้ำเงินเอ่ยเสียงเข้ม แต่ปฏิกิริยาต่อมาของอีกฝ่ายนั้น แทบจะพังทลายทุกความอดทนที่มีให้แหลกละเอียด

ไม่เพียงแค่แตะลิ้น เจ้าตัวกลับใช้มันดูดกลืนนิ้วมือเขาอย่างหูทวนลม  สัมผัสได้ถึงฟัน ลิ้น และของเหลวตรงปลายเส้นประสาท

มุนาคาตะถอดแว่นที่สวมบนใบหน้าทิ้ง ไม่ไยดี

จังหวะเดียวกับที่สองข้างของคนที่คุกเข่าตรงหน้ากระชากสาบเสื้อเขา แล้วโน้มลงต่ำ

เสียงหัวเราะอย่างสมใจและมุมปากที่ยกยิ้มบ่งบอกว่าใครกันเป็นผู้แพ้ในครั้งนั้น

มือคว้าบีบหัวไหล่ร่างเพรียวโดยแรง ร่างนั้นเสียหลักหงาย มืออีกข้างก็ฉวยขาเรียวยาวยกขึ้นพาดบ่า และกระแทกสวนความต้องการอันรุนแรงลงในร่างอีกคนโดยไม่คิดถนอม

เสียงครางพร่าปะปนไปกับเสียงหัวเราะ

 

ไม่ว่าจะกี่ครั้ง…

คนที่สามารถทำให้เขาเสียการควบคุมได้ก็มีเพียงแค่…

 

-ราชาสีแดง- สุโอ มิโคโตะเท่านั้นจริงๆ

 

 [Fin.]

 

Talk Zone : เป็นหนึ่งในฟิคสั้นที่อยู่ในฟิคเล่ม Higanbana นะคะ

[K Project-SF] …Blue Rose… [ReishiMikoto]

:: Blue Rose ::

 
 Warning

– Spoil K Missing Kings –

 
ท่ามกลางกลีบกุหลาบสีน้ำเงินที่เบิ่งบานและร่วงโรยจากเหนือหัว ตกกระหน่ำลงมาราวกับฝน รอบกายล้อมรอบไปด้วยสีดำมืดสนิท

มุนาคาตะเห็นเพียงเปลวเพลิงสีแดงฉานแสนสวยตรงหน้าที่เคยลุกผลาญเรื่อเรืองค่อยๆ มอดดับลงจนเหลือแค่เถ้าธุลี…

และสายลมไร้ที่มาก็หอบเอามันลอยหายไป

ราวกับประชดประชัน

ความหมายของ ‘กุหลาบสีน้ำเงิน’ คือ ‘รักที่เป็นไปไม่ได้’

สีน้ำเงินเป็นเพียงสีเดียวเท่านั้นที่จะไม่ทางปรากฏบนขึ้นดอกกุหลาบ

 

“พลังของสุโอ มิโคโตะหายไปหรือยังครับ?”

เขาถามออกไป ยามที่เห็นเด็กหนุ่มผู้มาจากสีแดงคนนั้นวางมือลงบริเวณที่จำได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีรอยสักของโฮมุระซึ่งถูกเผาไหม้จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม

“ไม่มีครับ” ฟุชิมิ ซารุฮิโกะว่า รอยยิ้มบางทาบทับบนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มที่สวมแว่น

“ยุ่งยากนะครับ พลังของราชาเนี้ย ตายไปแล้วยังหลงเหลือพลังบางส่วนไว้ในแคลนส์อยู่เลย”

….ไม่เพียงแค่พลัง แต่ความทรงจำที่มีต่อกันก็ด้วย

ถ้าหากจะตายแล้ว… ช่วยเอาความทรงจำทั้งหมดที่มีร่วมกันไปด้วยซะสิ

ประโยคที่เคยได้ยินผ่านหูจากในบทละครผุดขึ้นมา ช่างน่าหัวเราะกับความคิดชั่ววูบที่อ่อนแอไม่สมกับเป็นตัวเองเหลือเกิน

‘นายเปิดปากพูดทีไรไม่เคยมีเรื่องน่าสนใจเลยนะ มุนาคาตะ’

คนคนนั้นมักพูดแบบนี้เสมอ ริมฝีปากบางที่คาบบุหรีนั่นพ่นควันไอสีขาวออกมาให้ปะทะใบหน้าเขาอย่างจงใจบ่อยครั้ง

 

มวลอากาศสั่นไหวอีกครา หลังจากที่ ‘ราชาสีแดงคนใหม่’ ไม่สามารถควบคุมพลังจากดาบเดโมเคลสที่เพิ่งรับมาได้ แม้จะเริ่มกางเขตแดนและทุกคนปลอดภัยแล้วก็ตาม แต่เด็กหญิง… คุชินะ แอนนา กลับได้รับบาดเจ็บซะเอง

บรรยากาศในที่แห่งนั้นเริ่มแตกหักและสั่นระรัว ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องเริ่มแข็ง ค่อยๆ ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ

เกล็ดน้ำแข็งสีขาวโพลนเริ่มตกลงมาราวกับอยู่ในฤดูหนาว

… เขตแดนของ ‘ราชาสีน้ำเงิน’ …

มุนาคาตะ เรย์ชิ ได้มาถึงแล้ว

ดวงตาต่างสีของผู้ครอบครองตำแหน่งราชาสบกันอย่างเงียบงัน ในชั่ววินาทีที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยสิ่งใดได้ออกมา

แอนนากลับรับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนไป จากดวงตาคู่นี้และเปลวเพลิงที่แดงจัดจ้าของเธอ

พลังของเธอแต่เดิมคือล่วงรู้อนาคตและรำลึกอดีต

เขตแดนของราชาสีน้ำเงินที่เคยสัมผัสได้นั้น ไม่ได้เป็นเช่นนี้

หากยามนี้กลับคล้ายคมมีดน้ำแข็งที่พร้อมทิ่มแทงทั่วร่างผู้ที่เข้าใกล้ ราวกับสัตว์ร้ายที่สูญเสียที่พักพิงเพียงหนึ่งเดียวไป

เมื่อก่อนบรรยากาศสูงส่งและน่าเกรงขาม แม้จะลึกลับเพียงใด ก็ไม่ชวนให้หวาดหวั่นเช่นนี้

… ความรู้สึกของคนนี้ ตายลงแล้วงั้นเหรอ?

ภายในแววตาสีเข้มแสนเย็นเยียบคู่นั้น เธอมองไม่เห็นสิ่งใดเลย

โลกทั้งใบของคนนั้น ทับถมไปด้วยหิมะที่ไม่มีวันเหือดหาย หิมะที่ถูกย้อมด้วยสีแดงฉานของมิโคโตะ

สีแดง… ของเลือด

มากขึ้น… มากขึ้น… ทุกวัน… ทุกวินาที…

ราชาสีน้ำเงินยังคงติดอยู่วันนั้น

วันที่เขาเป็นผู้ลงดาบสังหารมิโคโตะด้วยตัวเอง

ดังนั้นในยามที่ทุกอย่างจบสิ้นลง และได้พูดคุยกัน

ความคิดคำนึงของเธอก็ส่งผลให้ดวงตาจ้องมองเพียงดาบเล่มนั้น

“ใช่แล้วล่ะครับ”

“ดาบเล่มนี้คือสิ่งที่คร่าชีวิตราชาสีแดง สุโอ มิโคโตะ”

มุนาคาตะกล่าว ทั้งที่ตอนนี้เธอคือ ‘ราชาสีแดงคนใหม่’

เขาก็ยังไม่เปลี่ยนคำเรียก

ครู่หนึ่งแอนนาเหมือนจะเข้าใจคนตรงหน้าขึ้นมา

…คนคนนี้คงเป็นเช่นเดียวกับเธอ…

 

สีแดงของมิโคโตะสวยงามที่สุด

สีแดงเป็นของมิโคโตะเท่านั้น

และ ‘ราชาสีแดง’ ก็มีเพียง ‘มิโคโตะ’ คนเดียวเท่านั้นเช่นกัน

มือเรียวเล็กของเธอ เอื้อมไปจับดาบที่เป็นอาวุธสังหารมิโคโตะ จิตใจสงบอย่างประหลาด ในอกข้างซ้ายเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ

เด็กสาวใช้ปลายนิ้วและฝ่ามือลูบตัวดาบเบาๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันเป็นปกติของเจ้าตัว

“นั่นเป็นสิ่งที่มิโคโตะต้องการ”

มิโคโตะ… ไว้ใจและเชื่อใจคุณ…

และจริงๆ แล้วตัวมิโคโตะเองอาจจะคิดอยู่แล้วว่า

‘หากต้องตายแล้วล่ะก็… ให้เป็นฝีมือของนายคงดีกว่า’

นั่นสิน่ะ… ก็สมเป็นมิโคโตะ

มิโคโตะที่อบอุ่น และขณะเดียวกันก็ใจร้ายเหลือเกิน

“แต่ฉันจะไม่ขอบคุณหรอกนะ”

 

แน่นอน…       

สิ่งที่ตอบกลับเธอมาก็คือคำว่า ‘ไม่เป็นไร’ และรอยยิ้ม

 

 [Fin.]

 

Talk Zone : เป็นหนึ่งในฟิคสั้นที่อยู่ในฟิคเล่ม Higanbana นะคะ

[PreOrder] FanFiction Lina&Hitorijanai For CA2/Post

เปิดพรีออเดอร์ FanFiction บูธ Lina&Hitorijanai
ในงาน #comicavenue2 วันที่ 11 ตุลาคม 2014
ทั้งส่วนที่รับในงานและสำหรับทางไปรษณีย์หลังงานนะคะ


สั่งจองได้ถึงวันที่ 3 ตุลาคม 2557 เวลา 23.59 น.
โอนเงินได้ถึงวันที่ 3 ตุลาคม 2557 เวลา 23.59 น.

สั่งจองในแบบฟอร์มเลยค่ะ โดยรายละเอียดจะมีไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ

Q : ถามหน่อยค่า ถ้าสมมติ สั่ง + โอนไป แล้วติ๊กช่องที่ว่าจะไปรับในงาน CA2

แต่วันนั้นดันเกิดเหตุสุดวิสัยไปไม่ได้จริง ๆ ขึ้นมา จะสามารถโอนค่าส่งตามไปแล้วเปลี่ยนเป็นส่งไปรษณีย์ได้มั้ยคะ ;w;
A : โอนมาเฉพาะค่าหนังสือก่อนได้ค่าาา สำหรับคนที่ว่าจะมา แต่ถ้ามาไม่ได้ทีหลังไว้ค่อยโอนค่าส่งมาแทนก็ได้จ้า

Q :ถ้าสั่งอันทิลไว้แล้วยังไม่ได้โอนเงิน และสั่งฮานะเพิ่มด้วยจะต้องโอนเงินรวมค่าส่งยังไงคะ?
A : ค่าส่ง 60 จ้าา โอนรวมมาเลย 280+220+60 = 560 ค่ะโดยแจ้งที่ช่องหมายเหตุนะคะ ว่าโอนรวมฮานะกับอันทิลค่ะ


ไม่รู้ว่าจะมีมั้ย แต่ตอบเผื่อไว้ก่อนนะคะ ฮา

สำหรับคนที่จะสั่งหมดเลย ฮานะ อันทิล ฮิกัน ก็โอนรวมได้เลยค่ะ
280+220+100+80=680 บาทค่าาา

ตอนแจ้งโอนก็แจ้งตรงช่องหมายเหตุนะคะว่า ‘โอนรวม’ จ้าา

หรือถ้าโอนมาก่อนแล้วก็บวกเพิ่มจากฮานะไป 20 จาก 280 เป็น 300 ก็พอค่าา

—— Hana saku Shoujo vol. 1 ——

[PreOrder] Hana saku Shoujo vol. 1 For CA2/Post
https://docs.google.com/forms/d/1a9UaO0SxdIUHloQdXV8Zl_m-1xw579HRRdrxSJC2r00/viewform

สามารถดูรายชื่อและสถานะการสั่งจองได้ที่นี่ >>
https://docs.google.com/spreadsheets/d/1Nb6DGZecrFbIJuzhYWIY1ruUVFeKjhFID12s0-J11VM/edit?usp=sharing

—— —— —— —— —— —— ——

ส่วนของ Until…now. & Higanbana ค่ะ

[PreOrder] Until…now. & Higanbana For CA2/Post
https://docs.google.com/forms/d/1lWy9xqcilO6UeKHhc_M8iZPw5rUrtzXOX_CucCj5R24/viewform

สามารถดูรายชื่อและสถานะการสั่งจองได้ที่นี่ >>
https://docs.google.com/spreadsheet/ccc?key=0AhRIYxohckQudElnNXZYV3ZXM3VlS00yRHJBUTBGMnc&usp=sharing

—— —— —— —— —— —— ——

แจ้งการชำระเงิน >>
https://docs.google.com/forms/d/1TppioquNLR-AM9Vjurj3zM75al6z0eWKSlHXXWAcUBI/viewform

MenuCA2

//Lin_ChaCHa ( ´ ▽ ` )”

[K Project Fic] Never Again [Prologue]

Never Again

Fandom : K Project
Rate : PG
Pairing : 礼尊 | Munakata Reishi x Suoh Mikoto

Note : น่าจะฟิคยาวล่ะมั้ง….คะ? ฮา

มุนาคาตะ เรย์ชิชอบความสมบูรณ์แบบ

ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และพอใจที่สุดกับการที่ทุกสิ่งสามารถเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่เขาควบคุมได้อย่างไร้ที่ติ

ตลอดชีวิตที่ผ่านมากว่าสิบแปดปีของเขามีเพียงความ ‘สมบูรณ์แบบ’ ตามที่เขาปรารถนา

ใช่…
จนกระทั่งเขาได้พบกับ ‘คนคนนั้น’

สุโอ มิโคโตะ
เฉื่อยชาไม่สนใจใคร แต่ไม่โอนอ่อนผ่อนตาม
แข็งแกร่งเย็นชา แต่กลับเอาใจใส่กับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ

นั่นเป็นวันหนึ่งในหลายวันที่ดำเนินผ่านมา
เขาเดินทางกลับบ้านในขณะที่แสงอาทิตย์ค่อยๆ คล้อยลงจากขอบฟ้า แสงสีส้มอมแดงส่องสว่างไปทั่วบริเวณ แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ ก่อนจะหลับไหล แล้วตื่นขึ้นอีกครั้ง

แสงที่ทรงพลังและงดงามที่สุด

ขาพาร่างก้าวไปในเส้นทางที่คุ้นชิน ถนนสายนี้แทบปราศจากผู้คนในยามเย็นย่ำ เงียบสงบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงส่ายไหวของต้นไม้และกิ่งใบที่กำลังขัดสีและสายลมอ่อนๆ ที่พัดพลิ้วหวีดวิ้วอยู่ข้างหู

มุนาคาตะเดินช้าๆ ไม่รีบร้อน สำหรับคนทั่วไป บรรยากาศที่เงียบสงบชวนให้วังเวงเช่นนี้อาจทำให้ขนหัวลุกจนวิ่งหนี แต่เขาไม่ใช่….ความเงียบก็เหมือนการดื่มชาญี่ปุ่นที่ชอบ
ใช้เวลาละเลียดสัมผัสอย่างเชื่อมช้าเพื่อดื่มด่ำกับห้วงเวลาที่ทีเพียงตนเอง

ความสบายใจ ความสงบ

ทุกอย่างเหมือนเช่นที่เคยเป็นมาเสมอ

ยกเว้น ‘วันนี้’

แน่นอน…ท่ามกลางบรรยากาศที่แทบไร้สรรพเสียงเช่นนี้ เสียงโยกไหวของชิงช้ำที่ลั่นเอี๊ยดอ๊าดย่อมไม่ยากแก่การได้ยิน

และเมื่อสายตาเบือนไปเขาก็ได้รับรู้ในตอนนั้นเองว่า..

สีที่สวยงามที่สุดบนโลกนี้เป็นสีใด

ร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่งกำลังไกวชิงช้าเด็กเล่นของเอื่อยเฉื่อย เส้นผมสีแดงเข้มตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวและเนื้อผิวสีอ่อนราวกับจะเปล่งประกายรับกับแสงอำพันของอาทิตย์ยามอัสดง ริมฝีปากบางคาบก้านของหลอดไว้หมิ่นเหม่

….สีแดง

สีอันอบอุ่นเจิดจ้าและเร่าร้อนแผดเผาจนแทบขาดใจ

นั่นคือวันที่เขาได้พบกับ ‘สุโอ มิโคโตะ’

[TBC]

[Drabble] 彼岸花 Higanbana [ReishiMikoto]

彼岸花

Higanbana

Fandom : K Project
Rate : PG-15
Pairing | 礼尊
Munakata Reishi x Suoh Mikoto

 

 

 

ในความฝัน….

เขาเห็นคนคนนั้นนั่งเหม่อมองท้องฟ้าสีเข้มดั่งผืนกำมะหยี่ถูกโปรยด้วยเกล็ดเงินกรวดทองระยิบระยับ กลมกลืนไปกับทุ่งดอกฮิกันสีแดงเรื่อเรืองราวกับเปล่งประกายรับแสงจันทร์

ร่างเพรียวสมส่วนของใครคนนั้นอยู่ในชุดยูคาตะที่สวมใส่ไม่ค่อยเรียบร้อยและหลุดลุ่ยอย่างไร้การใส่ใจ รอยแยกของสาบเสื้อเผยแผ่นอกเรียบเนียนที่เคยลิ้มรส… สัมผัสอยู่บ่อยครั้ง

รสชาติเค็มปร่าซ่านติดปลายลิ้นของหยาดเหงื่อที่ซึมชื้นยังคงติดตรึง

บนผืนหญ้าสดใหม่ กลิ่นดินและเสียงของพลุฤดูร้อนราวกับห่างไกลออกไป ยามได้แตะต้อง ล่วงล้ำ ดูดดื่มกับร่างตรงหน้า

รอยยิ้มพราวยียวนปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม ดวงตาสีทองเต้นระริกอย่างสนุกสนาน เมื่ออาศัยทีเผลอพลิกกลับไปอยู่ด้านบนตัวเขาได้

ดวงหน้านั้นค่อยๆ โน้มลงมาใกล้ จนปอยผมสีแดงเข้มที่เริ่มยาวกว่าปกติเล็กน้อยระเรี่ยผิวแก้มเขา จมูกปัดป่ายโดนกัน พอกับลมหายใจอุ่นที่รินรดจนก่อกำเนิดความร้อนผ่าวแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย

นั่นเป็นเรื่องของฤดูร้อนเมื่อปีกลาย

มุนาคาตะ เรย์ชิ เดินข้ามผ่านพุ่มดอกฮิกันที่บานสะพรั่ง

อีกไม่นานก็จะถึงเดือนเก้า… ที่ดอกไม้ชนิดนี้มักจะบานรอรับผู้คนที่จากจรไปสู่โลกหนึ่ง

สีแดง…..ของดอกฮิกัน
สีแดง….
….ของคุณ

ผสมผสานราวกับเป็นหนึ่งเดียวกัน

“สุโอ มิโคโตะ”

ชายหนุ่มส่งเสียงเรียกออกไป ทั้งที่คล้ายกับว่าเพียงเอื้อมมือก็จะคว้าร่างนั้นมากอดได้ แต่ระหว่างตัวเขากับคนนั้นกลับมีลำธารสายเล็กๆ ขวางกั้น

อดีตราชา ‘สีแดง’ ยิ้ม…. เป็นรอยยิ้มเดียวกับที่เห็นในครั้งสุดท้าย

รอยยิ้มในม่านหิมะอันพร่าเลือน

“ยังพูดจาไม่รู้เรื่องเหมือนเดิมนะ มุนาคาตะ”

“นายยังข้ามมาไม่ได้หรอก”

ความรู้สึกยามที่เห็นดาบเดโมเคลส สัญลักษณ์ของราชาสีแดง ‘คนใหม่’ ไม่มีใครล่วงรู้ความในใจของเขาสักครึ่งคำ

ไม่สิ…ขนาดเขายังไม่อาจเข้าใจตัวเอง

เสี้ยวหนึ่ง…เศษเสี้ยวในส่วนลึกที่สุดของหัวใจและจิตใต้สำนึก

ราชาสีแดง ‘ของเขา’ คือ ‘สุโอ มิโคโตะ’ เท่านั้น

สีแดง…. เป็นของคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น

“ทำไมล่ะครับ?”

……ยัง

“ยังก่อน….”

[fin.]

Talk Zone : ไม่ได้กะแต่งให้ทันวันเกิดมิโคโตะซัง แต่ก็คิดว่าแดรบเบิ้ลแบบนี้ไม่เหมาะกับวันเกิดอยู่แล้วล่ะ ฮา

::โซนสาระ::

ดอกฮิกัน ฮิกันบานะ 彼岸花

ดอกฮิกันบานะจะบานเมื่อใกล้ถึงวันฮิกัน ซึ่งเป็นเทศกาลที่ชาวญี่ปุ่นไปเยี่ยมสักการะและทำความสะอาดหลุมศพ ชาวญี่ปุ่นจึงมักเอาดอกฮิกันมาเป็นดอกไม้ประดับสักการะหลุมศพ

เชื่อมโยงกับตำนานแม่น้ำปรภพตามความเชื่อของญี่ปุ่นจะเป็นที่ที่แบ่งระหว่างโลกของคนเป็นและคนตายออกจากกัน โดยมีฝั่งชิกัน(โลกมนุษย์) และฮิกัน(โลกหน้า หรือปรภพนั่นเอง) ไม่มีผู้ใดที่สามารถข้ามแม่น้ำไปได้ ยกเว้นผู้ที่สิ้นชีพแล้วเท่านั้น ที่ฝั่งฮิกันจะมีดอกฮิกันบานะสีแดงบานอยู่เต็มไปหมด

ดังที่จะเคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘เห็นทุ่งดอกไม้อยู่ที่อีกฝั่งแม่น้ำมั้ย?’

ด้วยเหตุนี้ดอกฮิกันบานะจึงถูกนำไปเชื่อมโยงกับเรื่องเกี่ยวกับโลกหลังความตาย จนมักถูกเอ่ยถึงในนาม ‘บุปผาแห่งปรภพ’

สำหรับที่ใครอยากอ่านบทความเกี่ยวกับดอกฮิกันเต็มๆ
ที่มา – http://muumakun.exteen.com/20120225/entry

[K Project-Fic]…Drabble…[ReishiMikoto]

 

…Drabble …

 

Rate – PG

 

Pairing :

礼尊|Munakata Reishi x Suoh Mikoto

 

Note :

แดรบเบิ้ล… ฟิคสั้นแบบสั้นโคตรๆ แต่งไว้นานแล้วตั้งแต่สมัยดู K จบใหม่ๆ ปี 2012 ได้โน้นนนนนน แน่ะ…

เอามารวมฉลองมูฟวี่ที่กำลังจะมา ฮา *me จริงๆ แค่เอามาไว้เป็นที่เป็นทางให้อ่านง่ายเท่านั้นแหละ

 
 
 
 
 
 

::Parallel::

 
 
 
ในห้องขังที่ไร้แสงไฟ มีเพียงเสียงลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอของคนคนหนึ่ง

มุนาคาตะก้าวเข้าไปในนั้นด้วยฝีเท้าที่สงบนิ่ง ดวงตาเบื้องหลังกรอบแว่นเรียบเฉยไม่สื่ออารมณ์ใด ยามจ้องมองเจ้าของเส้นผมสีแดงเพลิงที่นอนทอดกายหันหลังให้ประตู

อยากจะจิกหัวขึ้นมา แล้วโบกศีรษะนั้นกับกำแพงให้สมกับความดื้อรั้นไม่ฟังคำห้ามปรามนั้น เสียแต่คราวนี้หลับจริง….ไม่ได้แกล้งหลับเพื่อรอเปิดตาขึ้นมากวนประสาทเขาเหมือนคราวก่อน

ทั้งๆ ที่เคยลั่นวาจาไว้ว่า ‘แค่คิดว่าต้องร่วมสูดอากาศที่เดียวกัน ก็รู้สึกแย่เต็มที่’ หากเอาเข้าจริง…คนที่รู้ดีกว่าใครว่าไม่ได้เป็นตามปากพูดก็ตัวเขาเอง

เข้าใจกันและกันมากกว่าใคร…..แต่ก็ห่างกันมากกว่าใครเช่นกัน

เป็นสายสัมพันธ์ที่ไม่อาจตัดขาด แต่ก็ไม่อาจร่วมเดิน

….คู่ขนานที่ไม่อาจบรรจบ

เราสองคนมีความสัมพันธ์กันแบบนั้น

“สุโอ”

เขาส่งเสียงเรียก นี่ไม่ใช่เวลาคิดไร้สาระ ปัญหาตรงหน้าหรือจะพูดให้ชัดเจนก็คือ ‘คนตรงหน้า’ เป็นปัญหาที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน ไม่เพียงแค่ความปลอดภัยของคนจำนวนมาก

….แต่เป็นเจ้าตัว

 
 
 
 
 
 

::Last::

 
 
 
ร่างของ ‘ราชาสีแดง’ ทิ้งน้ำหนักตัวลงมาในอ้อมแขนค่อยๆ เย็นชืดทีละน้อย ใบหน้านั้นระบายไปด้วยรอยยิ้มอิ่มใจ เนื่องจากหมดห่วงในทุกสิ่ง เพราะได้ทำทุกอย่างตามที่ปรารถนาไว้แล้ว

มุนาคาตะทรุดลงทั้งๆ ที่กอดร่างนั้นไว้ รั้งมาแนบสนิท ก่อนกระชับอ้อมกอด นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มปิดลง ขณะที่ซวนซบกับกลุ่มผมสีแดงหม่น ที่ราวกับเสียประกายอันสว่างพร่าตาไปพร้อมกับลมหายใจของเจ้าของ

คิดถึงคำพูดสุดท้าย…..และรอยยิ้มที่ติดตรึงเขา สายตาที่บังคับให้ทำสิ่งที่เจ้าตัวเรียกว่า ‘งานสกปรก’ อย่างจำยอม

“คุณนี่…ดื้อจนวาระสุดท้ายจริงๆ นะครับ ทั้งหัวดื้อหัวรั้น ไม่ยอมทำตามที่บอกสักนิด”

เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยแผ่วเบา เลือดอุ่นๆ จากอกคนตรงหน้าเปรอะเปื้อนเต็มมืออีกข้าง…..

มือข้างที่พรากลมหายใจคนตรงหน้าอย่างตั้งใจ

ผมอยากช่วยคุณ…..อยากทำทุกอย่างเพื่อคุณ

แต่สุดท้าย…
คุณก็เลือกจะจบในแบบของคุณเอง

“คุณเป็นคนโหดร้ายนะครับ…สุโอ”

พูดแล้วก็ยิ้ม… ด้วยดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตา

เขาจุมพิตลงบนริมฝีปากบางแผ่วเบา……ริมฝีปากบางที่เย็นเฉียบราวหิมะที่โปรยปรายโอบล้อมอยู่รอบตัว

อ้อมกอดสุดท้าย…..จูบครั้งสุดท้าย

เพราะนับแต่นี้จะไม่มี ‘เรา’ มีเพียง ‘ผม’ เท่านั้น

 
 
 
 
 
 

::Dream::

 
 
 

อ๊ะ…เปลือกตาเปิดลืมขึ้น
 
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกะพริบปรือเล็กน้อย คนตรงหน้ากำลังหลับสนิทตรงข้ามกับเขาที่ตื่นเต็มตาแล้ว

เสียงลมหายใจแผ่วเบาผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ สุโอกำลังหลับสนิทอย่างที่เขาไม่ได้เห็นบ่อยนัก ดูเลือนรางจนเหมือนจะจางหายไปได้ทุกเมื่อ

ราชาน้ำเงินถดกายเข้าไปซุกกับแผ่นอกที่กำลังกระเพื่อมไหว ก่อนวาดแขนโอบกอด
ผอมลงจริงๆ…ราวกับจะทำให้แตกสลายได้ด้วยมือคู่นี้

คล้ายกับรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของอ้อมแขนและสายตาที่จ้องมอง
 
สุโอ มิโคโตะลืมตาตื่น เอ่ยถามออกไปห้วนๆ
 
‘มีอะไรหรือไง…มุนาคาตะ’
 

เจ้าของนามส่ายหัวน้อยๆ ก่อนฝังหน้าลงกับลาดไหล่ อุ่น…ตัวของสุโออุ่นอยู่เสมอ และมีกลิ่นแดดอ่อนๆ เจือจางติดผิวกาย

 
มือเรียวตบปุลงบนศีรษะที่ส่ายไปมานั้น

 

 

‘ฉันอยู่ตรงนี้…ไม่ไปไหนหรอกน่า’

 
 
ราวกับได้ยินน้ำเสียงเฉื่อยชาเหมือนจะไม่ใส่ใจตรงกันข้ามกับคำพูดแสนอ่อนโยน
 
 
อา…ฝันอีกแล้ว มุนาคาตะคิด
 
 
เมื่อลืมตาขึ้นมาในความเป็นจริง เขาพบเพียงฟูกข้างเคียงที่ว่างเปล่า ฝ่ามือไล้ไปตามผืนผ้าเย็นเฉียบ

‘สุโอ’

ชื่อที่พบได้เพียงในความฝัน….

 
 
 

Yumegatari – 夜の水 – [ReiMiko]

 

 

 

 

夜の水

-วารียามค่ำ-

 

 

Rate – R15

Pairing : 礼尊赤黒 

Note : 

ซีรีส์แฟนตาซีสัตว์เทวะ ธีมย้อนยุคค่าาาา พ่วงสาย Gender Bend(ตัวละครสลับเพศ)

เป็นการครอสโอเวอร์ระหว่าง KnB กับ K Project

แดรบเบิ้ลแบบตามใจฉัน? มาเรื่อยๆ เรียงๆ ตามอารมณ์คนแต่ง //นี่พีคโดจนทนไม่ไหว ฮา

เบิกฤกษ์ด้วยคู่ เรย์มิโคนะคะ แดงดำ คงตามมาในสักวัน? << โดนตร่อยยยยย

ปล.เราจะไม่โดนสาปแช่ง?คนเดียว http://twishort.com/iDtfc กำเนิดของมังกรหนุ่ม โดย kyokikuma ฮะ

 

 

 

 

 

 

 

ชั่วชีวิตหนึ่งของหงสายาวนานเกินจะกล่าว ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอำนาจเพลิงกัลป์ที่มากล้น

หากสองสิ่งนี้ กลับแลกเปลี่ยนมาด้วยการสืบทอดทายาทที่ยากยิ่งนัก

สิบปี ร้อยปี บางช่วงรุ่นทิ้งระยะเวลากว่าพันปี

แต่กิเลนกลับยากยิ่งกว่านั้น

ในช่วงชีวิตหนึ่งมีทายาทได้เพียงตนเดียวเท่านั้นเอง

 

“มิโคโตะ”

 

น้ำเสียงนุ่มนวล นิ่งสงบราวสายน้ำ เอ่ยเรียกเจ้าของร่างเพรียวระหงที่เอนกายเหยียดยาวไปกับตั่งเตียง เส้นผมสีแดงยาวสลวยระคลอเคลียหน้าอกอิ่มที่โผล่พ้นรอยแยกของกิโมโน

 

ริมฝีปากบางคาบก้านของกล่องยาสูบไว้เพียงหมิ่นเหม่ ก่อนจะผ่อนพ่นกลุ่มควันสีขาวออกมา

 

“ท่านแม่”

 

น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายชัดเจน แต่ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นนิสัยของเจ้าตัวเอง คุโรโกะส่ายหน้าน้อยๆ กับกิริยานั่นของบุตรสาว ขณะทรุดลงนั่งเคียงข้าง

 

“จะสนุกอะไรแม่ก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่ริเล่นกับไฟ…. โดยเฉพาะไฟเย็นเยี่ยงนั้น จักไหม้ตัวเจ้าเองเอาได้”

 

เสียงหัวเราะครวญเบาในลำคอ ริมฝีปากบางเหยียดรอยยิ้มพึงพอใจ

 

“ตัวข้าเป็นหงส์เพลิง จะกลัวไฟอื่นใดไหม้ผลาญอีกล่ะท่านแม่”

 

อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก

 

ตามใจลูกจนเสียนิสัย…. เพราะใครกันแน่นะ?

 

 

 

 

 

หนึ่งทิวา สองราตรี

ล่วงเลยไปจนอาทิตย์อัสดงและจันทรลอยสู่นภาอีกหลายเพลา

 

อาจสั้นเพียงกะพริบตาสำหรับช่วงชีวิตอันยาวนานเกือบเป็นนิจนิรันดร์ หากสำหรับใครหนึ่งนั่นกลับไม่อาจลืมเลือน

 

สัมผัสที่เลื่อนไล้ไปตามผิวกาย เรียวปากอุ่นชื้นที่ตามติดลงมาบนนวลเนื้อ ลมหายใจผะแผ่วที่ระรดจนร้อนผ่าวไปทั่วสรรพางค์

 

ยากนักที่จะมีใครกล้า…อาจหาญที่จะกระทำการอุกอาจถึงเพียงนั้นกับบุตรสาวเพียงคนเดียว….. บุตรีแห่งวงศ์วานหงสา

 

โทสะของเจ้าแห่งหงสานั่นขึ้นชื่อลือชาเสียยิ่งกระไร

ราวกับเพลิงกัลป์แห่งอเวจีที่เผาผลาญทำลายล้างจนไม่เหลือแม้เศษเถ้าธุลีดิน

 

แต่แรกพบสบตาก็รุกล้ำเกินเลยไปเสียแล้ว

 

ดวงตาสีม่วงเข้มลึกล้ำประสานกับแววตาสีทองวาววับ ในความมืดมิดที่ไม่อาจแลเห็นสิ่งใด

 

โสตประสาทหวามไหวและสนองตอบได้รวดเร็วยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น

 

ค่ำคืนที่ไม่อาจข่มตานอน เสียงจิ้งหรีดเรไรร้องระงมในสวนหลังเรือน ฝ่าเท้าเปล่าเปลือยย่างเหยียบลงบนทางที่โรยด้วยกรวยหินเรียบมนไปเรื่อยร่ำ

 

ยูคาตะเนื้อบางไม่อาจมอบความอบอุ่นให้ได้มากนัก แต่เพราะร่างกายนี้เป็นร่างกายที่ก่อกำเนิดจากหงสาและกิเลน อุณหภูมิจึงมักร้อนรุ่มอยู่เสมอไม่คลาย ลำพังเพียงลมราตรีไม่กี่ชั่วยาม ไม่อาจสร้างความเดือดร้อนอันใดได้

 

ในสวนหลังบ้านร้างผู้คนเช่นที่ควรจะเป็น…..

 

ไม่สิ….

ไม่ได้ร้างซะทีเดียว

 

“มาเยือนยามวิกาลโดยไม่ได้รับเชิญ เจ้าคงมิใช่แขก หากเป็นโจรเสียกระมัง”

 

เสียงเอื่อยเฉื่อยตรงข้ามกับถ้อยคำหยอกเย้า เรียกให้ร่างสูงของใครบางคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลผินกายมา

 

รูปหน้าคมคายติดจะสวย เส้นผมสีน้ำเงินเข้ม บรรยากาศรอบตัวรายล้อมด้วยไอเยียบเย็นอันเป็นเอกลักษณ์

 

“ว่าที่เจ้ามังกรเช่นเจ้า มีธุระอะไรที่เรือนหงสาเช่นนั้นเหรอ?”

 

นัยน์ตาสีทองวาวเต้นระริกอย่างนึกสนุก ไยจะไม่รู้ว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้ามาด้วยธุระใด เมื่อต้นราตรีที่ผ่านมา แววตาคู่นี้จับจ้องมองอย่างไม่คลาดคลา ยามที่เยื้องย่างเข้าไปในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองของเหล่าสัตว์เทวะ

 

…………………………..

……………

…..

 

ขบวนสีแดงเหลื่อมพรายราวเกลียวคลื่นเพลิงเคลื่อนผ่าน จุดประกายและเรียกทุกสายตา โดดเด่นจนน่าเบื่อหน่าย พอๆ กับปฏิกิริยาหวงแหนชัดเจนของสองร่างที่เดินเคียงคู่กันเบื้องหน้า ท่อนแขนยาวกระชับร่างบอบบางของกิเลนสาวข้างตัวมาแนบชิด

 

ไม่ว่าจะผ่านไปเนิ่นนานกี่ร้อยกี่พันปี…. ท่านพ่อก็ยังคงทำตัวได้เสมอต้นเสมอปลายเหลือจะกล่าว

 

และชั่วเสี้ยวนาทีที่ละจากภาพตรงหน้า แม่หงส์เพลิงที่ตีหน้าเบื่อหน่ายสุดใจก็รู้สึกว่าเลือดในกายเดือดพล่านขึ้นมาชั่วขณะ

 

ดวงตาสีม่วงแหลมคมราวกับน้ำแข็ง จ้องตรงมาไม่วางตา ในประกายที่ดูเงียบสงบนั่นซุกซ่อนประกายแห่งความปรารถนา ใบหน้าเรียวยกรอยยิ้มบางอย่างหาได้ยาก ก่อนขยับริมฝีปากอย่างเชื่อมช้า

 

“มิ..โค..โตะ”

 

ก็แค่หย่อนด้ายลงไป….. ตัวข้าเองก็ไม่นึกรู้ว่าจะตกสิ่งใดขึ้นมาได้

 

แต่ความไม่รู้นี่แหละ…. ที่ชวนให้ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าอะไร

ราวกับเห็นปีกสีแดงคู่ทาบทับบนแผ่นหลังที่คลุมห่มด้วยกิโมโนลายวิหคเพลิงเจิดจ้า ดวงตาสีทองวาวที่เต้นระริกยั่วเย้า ใบหน้าเรียวสวยงามที่ประดับด้วยริมฝีปากบางเป็นเครื่องหน้าและล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีแดงเข้มยาวสลวยราวกับธารพระเพลิง ยามหยักยกไหล่ด้วยกิริยาไม่สำรวม ลาดไหล่นวลผ่องก็ออกมาอวดโฉมให้ใจเต้นระรัว

หากมองได้เพียงชั่วครู่ก็จำต้องละสายจา เพราะไม่อาจทานทนกับดวงตาคู่งามที่แม้จะสวยงาม แต่ก็เปี่ยมอำนาจล้นด้วยศักดิ์แห่งวงศ์วานหงสา…. วิหคเทพแม้สักตน

จะยกเว้นก็แต่เพียง….

ดวงตาสีม่วงเข้มใต้กรอบแว่นหนาที่ไม่ละเลื่อนไปไหนของชายหนุ่มร่างสูง ผู้เป็นตัวแทนของเผ่ามังกรเทพ

หงส์เพลิงกับมังกรน้ำแข็ง….

ช่างเป็นคู่ที่สมน้ำสมเนื้อเสียจริง

“มองอะไรอยู่เหรอเท็ตสึยะ”

เสียงทุ้มนุ่มข้างตัวเอ่ยถาม คุโรโกะส่ายหน้าน้อยๆ พลางตอบว่าไม่มีสิ่งใด แล้วจึงเบนความสนใจอีกคนให้ไปยังที่อื่นแทน คงจะไม่ดีนักที่จะให้ผู้ที่จริงจังเช่นนี้ไปเห็นการ ‘ละเล่น’ เช่นนั้นของบุตรสาวที่หวงราวกับแก้วตาดวงใจ

อีกอย่าง… ถ้าเซย์จูโร่ไปขวาง

มิแคล้ว… มิโคโตะคงได้จงใจ ‘ทำ’ เรื่องให้ใหญ่กว่าเดิมแน่ๆ

 

…………………………..

……………

…..

เรียวขาขาวนวลเป็นสีน้ำนมค่อยๆ ย่างเยื้องลงในบ่อน้ำเย็นจัด ไม่แยแสสายตาที่มองมาแทบไม่กะพริบตาของใครอีกคน ระดับน้ำในนั้นสูงต่ำไม่เท่ากันนัก ค่อยๆ ลาดไปจนถึงกลางบ่อเป็นรูปกระทะซะมากกว่า

ยูคาตะขาวบางเปียกน้ำแนบเนื้อเนียน ภายใต้แสงจันทร์ที่ทอทอดลงมาดูราวกับเรือเรื่องได้ก็ไม่ปาน หากที่ไม่อาจละลายตาได้เลยคือเส้นผมสีแดงราวกับเปลวเพลิงที่ระเรี่ยไปตามแนวโครงเรือนกายสาว

 

เรียวปากบางยกยิ้มอย่างมีจริต และที่สะกดให้ลุ่มหลงแล้วกับลวงหลอกให้ตกหลุมพรางที่สุด คือนัยน์ตาสีทองคำคู่ที่เจิดจ้าคล้ายกับบรรจุตะวันไว้บนดวงหน้า

 

เรืองร้อน… แต่ชวนให้แตะต้องสัมผัส

ต่อให้ต้องโดนเพลิงกัลป์นั่นแผดเผาก็ไม่เสียดายชีวิตแม้แต่น้อย

 

ไม่ว่าเจ้าจะจำได้หรือไม่ว่าเคยได้เอ่ยสัญญาอะไรไว้

แต่เมื่อปักใจ….. และได้เลือกแล้ว

 

แม้ว่าสุดมือเอื้อมจะเป็นดวงแก้วตาของเจ้าหงสา

 

…………ข้าจะก็คว้ามาแนบกายให้สมปรารถนา……. ที่รอมาแสนนาน

 

มือเรียวบางมิได้ปัดป้องหรือกระทำการต่อต้านอันใด ยามที่ร่างสูงของแขกยามวิกาลพลุนพลันประคองร่างตนไปแนบชิด เสียงหวานทรงอำนาจเจือรอยขบขันยิ่งนัก เมื่อริมฝีปากเย็นยะเยือกกดทับลงมาตรงลาดไหล่ชื้นเปียก

 

ใบหน้าเรียบเฉย ตรงข้ามกับเพลิงปรารถนาที่ลุกกรุ่นอยู่ในดวงเนตรสีเข้มเบื้องหน้า ที่ลอยเด่นอยู่ไม่ห่างไกล สัมผัสที่จาบจ้วงและเร่งร้อนในที ราวกับหนุ่มอ่อนเดียงสา ไม่เคยแตะต้องสตรีใด ทำให้อดไม่ได้ที่จะหยอกเย้า

 

“เป็นบุรุษเพิ่งริรักหรือไรท่าน ถึงได้รุนแรงกันเช่นนี้ หาไม่ใช่ข้าแล้ว สตรีนางอื่นคงช้ำมือตายคาอกไปเสียแล้วกระมัง”

 

คมเขี้ยวผังประทับลงอีกครา หากมิใช่กับนวลเนื้อสาว แต่เป็นริมฝีปากบางช่างเย้า บดเบียดชิดชมจนฝ่ายรุกเข้าหาก่อนแทบลืมหายใจ สติขาวโพลนไปชั่วขณะหนึ่ง ลืมเลือนไปสิ้นว่าอ้อมกอดที่แนบชิดอยู่นี้กำลังกระทำเช่นไร

 

นิ้วเรียวยาวลูบผ่านเข้าไปในสาบยูคาตะตัวบางที่ติดผิวกาย ลากมือผ่านเนินอกอิ่มเต่งตึง และแม้จะลงมาแช่สายน้ำที่เย็นเยียบนานถึงเพียงนี้ แต่เรือนกายสาวก็ยังคงอุ่นร้อนราวกับเปลวเพลิงก็ไม่ปาน

 

“ท่านเคยกล่าวว่า ชายที่จักเป็นเจ้าของท่านต้องแข็งแกร่งกว่ามิใช่เหรอ?”

 

“โฮ่ว…. ไปรู้มาจากที่แห่งใดล่ะนั่น พ่อมังกรหนุ่ม”

 

กระแสเสียงหอบเร้า กระเส่าลึกริมหูคลอเคลียชวนให้วูบวาบ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหวีดร้องคล้ายตระหนกด้วยเรียวขาบางถูกรั้งขึ้นเกี่ยวเอวหนาฉุดดึงร่างให้ เนื้ออุ่นบดเบียดกับสะโพกแกร่ง

 

รอยยิ้มพึงพอใจปนหยอกเย้าวาดขึ้นบนใบหน้าคมงาม นัยน์ตาสีทองประกายเต้นระริกด้วยความสนุกสนาน และแทนที่คำตอบนั่น ริมฝีปากก็ทาบทับลงตีตราบนลาดไหล่ขาวผ่อง ระเรื่อยไปจนถึงเนินอก อ้อมแขนแกร่งกระชับแน่นขึ้นอีก ประหนึ่งกลัวหงส์เพลิงที่คว้าจับมาได้จะหนีหาย

 

“ทำให้ข้าพอใจสิ แล้วข้า…..”

 

ตัวตนที่แข็งแกร่งไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน บดเบียดเสียดสีจนสะท้านไหว ผืนน้ำที่นิ่งสงบ กระเพื่อมแรงกลายเป็นคลื่นเล็กๆ ซัดสาดขอบบ่อ วารีเอื้อล้นด้วยน้ำหนักของสองร่างที่เคลื่อนเข้าหากัน

 

…..จะเป็นของเจ้า…..

เสียงกระซิบแว่วราวกับจะลอยหายไปกับสายลม กลับก้องกังวานในดวงจิตไม่จางหาย

 

 

 

 

หนึ่งทิวา สองราตรี

ล่วงเลยพ้นไปอีกเนิ่นนานหลายเพลา

 

จวบจนความร้อนรุ่มในกายถูกแทนที่ด้วยความเยือกเย็นจนถึงที่สุด แล้วจึงมีอันได้ผละจาก

กว่าความจะล่วงรู้ต้องโสตและดวงเนตรของท่านเจ้าหงสาก็มิอาจหยุดยั้งสิ่งใดได้อีกแล้ว

ผู้เฝ้ารับรู้ทุกสิ่งอย่างได้แต่ทอดถอนหายใจ

 

ยามเมื่อถึงเพลานั้น….. สิ่งใดเล่าจะดับโทสะของเจ้าแห่งหงสาอัคคีได้กันหนอ?