[QZGS Fic] Impression [อวี๋เจิ้ง]
Fandom : Quan Zhi Gao Shou เทพยุทธ์เซียนGlory
Pairing : อวี๋เฟิง x เจิ้งเซวียน
Note :
ถ้านึกไม่ออกว่าสองคนนี้ใคร มีแนะนำตัวละครค่ะ ขายมาอะไรมาก 555555+
>>จิ้มเบาๆ<<
สปอยหลักๆ เป็นข้อมูลส่วนตัวพี่เจิ้ง ไม่มีเรื่องแข่ง แต่พอดีอยู่ในเนื้อหาตอนที่ไกลมากๆ เลยติดสปอยล์ไว้ก่อนค่ะ
เนื้อเรื่อง 50% มโนกาว 50%
ต้นตอนเคยลงใน http://privatter.net/p/2935612 เลยยืมชื่อมานะคะ ส่วนด้านล่าง nsfw นะคะ แต่ไม่มากน่าจะประมาณ R15 เบาๆ ?
เอาเป็นว่าถ้ารับสปอยล์ได้แล้วพร้อมร่วมกาวไปด้วยกันก็เลื่อนไปอ่านข้างล่างได้เลยค่ะ >///<
:: Impression ::
เจิ้งเซวียนเข้าร่วมในค่ายฝึกหลานอวี่ช่วงฤดูกาลที่สาม ตอนนั้นกัปตันเว่ยวางมือไปแล้ว เรื่องราวของคนคนนั้นที่ได้รับบอกเล่ามาคือการนำหวงเส้าเทียนมาจากเกมออนไลน์ เพื่อมาเป็นแก่นแกนคู่กับผู้สืบทอดซอกเกอร์ซาร์
‘อวี้เหวินโจว’
ในปีถัดมา เขาเดบิ้วต์พร้อมกับหวงเส้าเทียนและอวี้เหวินโจว
ในปีนั้นยังมีซูมู่เฉิงแห่งเจียซื่อ และจางซินเจี๋ยแห่งป้าถู ผู้ได้ตำแหน่งราชาหน้าใหม่
รุ่นของเขาถูกเรียกว่ารุ่นยุคทอง
เนื่องจากเอกลักษณ์และประกายแสงของแต่ละคนในปีนั้นล้วนโดดเด่นไม่ซ้ำใคร
ยกเว้นเขา… แสงสว่างที่ริบหรี่ที่สุด
พูดถึงสโมสรหลานอวี่ ทุกคนล้วนให้ความสนใจไปที่หวงเส้าเทียนและอวี้เหวินโจว ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่สองคนนั้น เขาเป็นเพียงฉากหลังอันเลื่อนลอย
เจิ้งเซวียนยิ้มขื่น และเคยชินกับมันในที่สุด
ใต้แสงไฟเจิดจ้า
ชื่อสโมสรหลานอวี่ที่มีหวงเส้าเทียนและอวี้เหวินโจว ถูกกลุ้มรุมด้วยคำถามและภาระมากมาย ราวกับทัณฑ์ทรมาน เขาค้นพบว่าดีแล้วที่เป็นเช่นนี้ ดีแล้วที่ยืนอยู่ตรงนี้
เขามีความสุขมากเหลือเกิน
จางเจียเล่อวางมือกะทันหัน ในช่วงรอยต่อฤดูกาลเจ็ดที่ไปสู่ฤดูร้อนปีที่แปด
ชื่อแรกที่ทุกคนนึกถึงคือ ‘เจิ้งเซวียน’
เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญดินระเบิดที่เก่งที่สุด เหมาะสมที่จะเป็นกัปตันทีมไป๋ฮว่า สืบทอดไอดีเก่าแก่ ‘ไป่ฮวาเลียวล่วน’
แต่เขาเลือกที่จะปฏิเสธ
กดดันเกินไปบ้าง ภาระมากเกินไปบ้าง
เขามีเหตุผลมากมายที่จะปฏิเสธไป่ฮว่า
แต่ถึงที่สุดแล้วเขารู้ดีว่ายืนอยู่ตรงนี้เพราะอะไร
หลานอวี่มีอวี้เหวินโจว
ซอกเกอร์ซาร์ที่เขารู้จักคือซอกเกอร์ซาร์ของอวี้เหวินโจว
ไม่ใช่เว่ยเชิน …
เขายืนตรงนี้… เพื่อซอกเกอร์ซาร์ของอวี้เหวินโจวเท่านั้น และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
************************************************
ข้างนอกฝนตก
… เหมือนกับ ‘วันนั้น’
ท้องฟ้ามืดครึ้ม หยาดพิรุณพร่างพรมไม่ขาดสายอยู่นอกบานหน้าต่างนั้น
ชายหนุ่มถอดเฮดโฟน วางมือจากเม้าส์และคีย์บอร์ดอย่างช้าๆ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้เพื่อพักสายตาจากการฝึกซ้อมนอกตารางที่ทำติดต่อกันมานานหลายชั่วโมง
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน หลังจากจบการแข่งขันในฐานะทีมเหย้า
การแข่งขันเมื่อวานเขาทำได้ไม่ดีนัก ไม่ดีเท่าที่อยากทำได้ เมื่อยืนกรานความคิดนี้
กัปตันอวี้ยิ้มบาง ก่อนเอ่ยว่า ‘นายกดดันตัวเองมากเกินไป ความสมบูรณ์แบบนั้นดีพร้อม แต่ใช่ว่าความผิดพลาดจะไม่ให้อะไรเลย’
อวี้เหวินโจวตบบ่าเขาเบาๆ แล้วยิ้มให้อีกครั้ง รอยยิ้มอ่อนโยนนุ่มนวลอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว
เขามองตามแผ่นหลังนั้นเดินจากไป
ร่างสูงโปร่งสาวเท้าเข้าไปยังใครอีกคนที่เป็นจุดศูนย์กลาง ห้ามปรามหวงเส้าเทียนที่กำลังล็อคคอซ่งเสี่ยวที่ล้อเลียนความเพลี้ยงพล้ำของไพ่ราชาตนในการแข่งขันเมื่อครู่
กัปตันส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
‘เส้าเทียน พอแล้ว’
น้ำเสียงที่เอ่ยห้ามนั้นไม่เบาไม่ดัง ซ้ำยังนุ่มนวล หากได้ผลชะงัดยิ่ง เพราะมือสองแขนที่รัดคอเจ้าของไอดีผู้ใช้ลมปราณนั้นคลายลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเปลี่ยนมาเกาะเกี่ยวกับมือเจ้าของเสียงที่เดินเข้าไป
หวงเส้าเทียนยังคงพรั่งพรูถ้อยคำขยะตอบโต้กับลูกทีมไม่ลดละ โดยมีอวี้เหวินโจวข้างกายตัดบทเป็นระยะเช่นกัน สมาชิกทีมคนอื่นเห็นเสียงโหวกเหวกโวยวายก็วิ่งมาร่วมวงอย่างสนุกสนาน
ยกเว้น.. คนคนนั้น
เจิ้งเซวียนกลับเลือกที่จะยืนอยู่ด้านนอก ทั้งที่สนิทสนมกับสองคนนั้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร
ชายหนุ่มมองตามดวงตาเฉยชาไร้อารมณ์คู่นั้น แล้วจึงเห็น
ท่ามกลางผู้คนมากมายที่กลุ้มรุมล้อม มือของหวงเส้าเทียนกลับกุมกระชับมือของอวี้เหวินโจวไม่ปล่อยสักครึ่งนาที ปลายนิ้วโป้งคลึงเคล้าแนบแน่น เกินเลยกว่าคำว่า ‘เพื่อนสนิท’ อย่างเห็นได้ชัด
ทุกคนในสโมสรหลานอวี่ล้วนรู้ถึงความสนิทสนมอันไม่ธรรมดาของไพ่ราชาและกัปตันทีม
บางคนสงสัย หากไม่แน่ใจ
บางคนรับรู้ หากไม่สนใจ
บางคนเฝ้ามอง …
… ด้วยสายตาว่างเปล่าเย็นชา …
เสียงเคาะประตูทำให้เขาหลุดจากภวังค์ กลับสู่สภาพในปัจจุบัน เขาเดินไปเปิดรับ และใบหน้าที่เห็นก็ไม่ได้ทำให้แปลกใจอะไร
“ฉันเข้าไปได้มั้ย?”
เจ้าของห้องไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ หากถอยเปิดทางให้เข้าไปสะดวกขึ้น ผู้มาเยือนสาวเท้าเรียบเรื่อยไม่รีบร้อน ปฏิกิริยามากสุดคือเอียงศีรษะกลับมามองตอนได้ยินเสียงปิดล็อกประตูไล่หลัง ก่อนจะที่นั่งลงบนปลายเตียงตามความเคยชิน
ห้องพักนักกีฬาไม่ได้กว้างขวางอะไรมากนัก ลำพังมีห้องส่วนตัวไม่ต้องนอนรวมกันก็ดีถมถืดแล้ว นอกจากเฟอร์นิเจอร์พื้นฐานอย่างเตียงเดี่ยว ตู้เสื้อผ้า ก็มีเพียงโต๊ะวางคอมพิวเตอร์ พร้อมเครื่องเสียบไอดีการ์ดเท่านั้นเอง
คนตรงหน้าสวมเพียงเสื้อยืดตัวเก่าหลวมโพรกกับกางเกงขายาวย้วยๆ หนึ่ง
‘ใส่ผ้าบางๆ แบบนี้เดินไปเดินไม่หนาวบ้างหรือไง’ เขานึกสงสัย ปลายนิ้วแตะลงผิวแก้ม ใบหน้าเฉยชาดวงนั้นเงยมอง แววตาฉายรอยประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนเลือนหายไป
อย่างที่คิด… ผิวที่สัมผัสค่อนข้างเย็นมากทีเดียว
“นายอยากทำ?”
เสียงที่ผ่านลำคอนั้นไร้อารมณ์อย่างสิ้นเชิง แต่ดวงตาที่ช้อนมองเขานั้นยิ่งกว่าเสียอีก เฉยชาจนแทบจะว่างเปล่า
ร่างเล็กกว่าคว้าชายเสื้อเขา ดึงให้โน้มลงมา ชายหนุ่มถอนหายใจบาง ปีนขึ้นเตียงตามอีกฝ่ายที่ถอยร่นขึ้นไป มือยื่นออกไปฉวยกางเกงขายาวตัวบางที่เจ้าตัวสวมอยู่ แทบไม่ต้องใช้แรงด้วยซ้ำ ท่อนล่างของคนตรงหน้าก็เปล่าเปลือย
ยามเท้าแขนลงข้างไหล่ ยกตัวขึ้นคร่อมเหนือร่างเล็กกว่า ใบหน้าดวงนั้นก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงอะไรอยู่ดี ความรู้สึกหงุดหงิด… กลุ่มก้อนบางอย่างที่ทิ้งตัวอยู่ในจิตใจคล้ายถูกกวนให้ข้นขุ่น
“ข้างบน”
อีกฝ่ายเลิกคิ้ว คำพูดของเขาคงทำให้งุนงงในคราวแรก แต่เมื่อสองมือวางบนเอวตนเอง หมุนพลิกจนลอยเหนือฟูกเตียง ย้ายมาอยู่บนร่างเขาก็เหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อในที่สุด
“อวี๋เฟิง… เพิ่งรู้ว่านายชอบอะไรแบบนี้กับเขาด้วย”
ร่างด้านบนทอดมองจากมุมสูงกว่า เอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งตรงข้ามกับความแปลกใจในถ้อยคำที่เอ่ยออกมา
“ไม่ได้ชอบแบบไหนเป็นพิเศษหรอก”
เขาตอบอย่างตรงไปตรงมา เขาไม่ได้มีรสนิยมหรือชื่นชอบอะไรเป็นพิเศษ แค่อยากเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เหมือนเขากำลังเดินตามการชักนำของอีกฝ่าย
คนคนนั้นไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด นับจากครั้งแรกที่กอดอีกฝ่าย ยังคงอ่านไม่ออก และไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่กันแน่
‘วันนั้น’ ก็เหมือนตอนนี้ ผิดกันเพียงลมหายใจที่ระรินในยามนั้นคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นของแอลกอฮอล์และแววตาอ่อนโยนที่จับจ้องมาราวกับเว้าวอนและโหยหา
… เขารู้ในที่สุด
ยามที่กอดคนตรงหน้า ยามที่สัมผัสไปตามผิวกายเปล่าเปลือย ดวงตาคู่นั้นปิดสนิท เสียงครวญแผ่วปะปนไปกับเสียงครางเครือนั้น คือชื่อของคนคนหนึ่ง…
คนที่เขาเองก็รู้จักดี
… และเพราะรู้ถึงไม่เข้าใจและสับสนการกระทำของเจิ้งเซวียน
‘มันไม่มีตั้งแต่แรกแล้วเรื่องที่หนึ่ง ที่สอง หรือที่สาม’
เขาที่พยายามพิสูจน์ตัวเอง ตัดสินใจเด็ดขาดและพร้อมจะพุ่งไปข้างหน้าเมื่อมีโอกาส
อยากคว้าแชมป์ด้วยมือตัวเอง อยากก้าวไปอยู่ในที่ตรงนั้น
‘สำหรับที่นี่ตรงนั้นมีแค่ซอกเกอร์ซาร์กับเยี่ยอวี่เซิงฝาน… ก็เท่านั้นเอง’
‘นายตัดใจ?’
‘เรียกว่าอยู่ในจุดที่ตัวเองมีความสุขที่สุดดีกว่า’
‘ไม่เคยคิดยืนข้างเขาบ้างหรือไง?’
เจิ้งเซวียนหัวเราะ ใบหน้าเฉยชาเสมอนั้นสั่นระริกคล้ายขบขันเป็นอย่างมาก
‘ข้างอวี้เหวินโจวน่ะเหรอ?’
‘ใช่.’
‘ถ้าบอกว่าไม่เคยก็คงโกหกล่ะนะ’
‘แล้วทำไม …’
‘แค่เขาอยู่ตรงนั้น … ใต้แสงสว่าง ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย’
‘…’
‘สำหรับฉัน… แค่อยู่กับเขาก็พอแล้ว’
… แค่ที่นี่
สโมสรหลานอวี่แห่งนี้ ที่มีซอกเกอร์ซาร์ของอวี้เหวินโจว
ความสัมพันธ์แปลกประหลาดที่จะเรียกว่าคู่นอนก็ไม่ใช่ เพื่อนกันก็ไม่เชิงของเขากับเจิ้งเซวียนเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น
อีกฝ่ายมาที่นี่ นอนกับเขา ทุกครั้งที่รู้สึกอยากกอดหรืออยากสัมผัสอวี้เหวินโจว
… แต่กลับเป็นฝ่ายให้เขากอดเสียเอง
พอถามเรื่องนี้ เจิ้งเซวียนกลับหัวเราะ แล้วพูดกับเขาอย่างติดตลกว่า
‘หรือจะให้ฉันกอดนายแทนล่ะ?’
อวี๋เฟิงถลึงตาใส่คนหัวเราะกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง ก่อนคนถือวิสาสะเข้าออกห้องเขาตามอำเภอใจจะลุกขึ้นมา เช็ดน้ำตาที่เกิดจากการหัวเราะมากไปแล้วอธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผล ในตรรกะประหลาดๆ ของเจ้าตัว
‘ฉันเป็นคนอยากทำ ไม่ใช่นายนี่? จะให้คนที่โดนฉันปู้ยี้ปู้ยำเจ็บตัวก็ไม่ใช่มั้ง?’
‘มันก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น’
ใช่…
มันไม่ได้แย่อะไร
ร่างที่ประคองไว้กำลังขยับสะโพกเหนือร่างเขา มือสองข้างทาบทับบนหน้าท้องเขา แทบจะจิกลงบนผิวเนื้อ ยามที่ถูกบดเบียดกระตุ้นเร้าจากภายใน
ร่างกายเสียดสีกันและกันจนร้อนรุ่ม ความเสียวซ่านทำให้ลมหายใจหอบพร่าสั่นไหว และมีเพียงเวลานี้เท่านั้น … ที่เขาจะได้เห็นความอ่อนไหวในดวงตาคู่นั้น เจิ้งเซวียนที่โหยหาและต้องการคนมาเติมเต็ม
“ฉันจูบนะ…” เอ่ยปากกล่าวราวกับขออนุญาต ก่อนที่จะแนบจุมพิตลงบนริมฝีปากเขา
ในตอนแรกเริ่ม … เราสองคนที่ต่างมีประสบการณ์เรื่องพวกนี้เป็นศูนย์ จูบกันอย่างเหงอะหงะและไม่ประสีประสา แต่เมื่อผ่านไปจากเดือนเป็นปี คู่ซ้อมในเรื่องนี้มีแค่กันและกัน นานเข้าก็เรียนรู้รูปแบบที่คุ้นชินและพึงพอใจมากที่สุด
อวี๋เฟิงไม่เคยจูบกับคนอื่น
ถึงจะเป็นแบบนั้น ยามที่ริมฝีปากอ่อนนุ่มนั้นแนบชิดลงมา เลาะเล็มไปตามเรียวปากเขาคล้ายออดอ้อน ความต้องการก็เพิ่มพูนพลุ่งพล่าน
ริมฝีปากของเจิ้งเซวียนเย็นนิดๆ ให้ความรู้สึกดี
เขารั้งศีรษะคนด้านบนลงมา กดท้ายทอยให้แนบชิดยิ่งขึ้น จูบตอบด้วยความปรารถนาที่มากกว่า และสอดลิ้นเข้าไปคว้านหาความรู้สึกหอมหวานที่คุ้นเคย กระทั้งอีกฝ่ายแทบขาดใจถึงจะผละจาก
ดวงตาปรือปรอยคู่นั้น แช่มเชื่อมอ่อนหวาน อดไม่ได้ที่จะแนบจูบและกอบโกยความหอมหวานยิ่งกว่าจากริมฝีปากนั้น พลางจับร่างเล็กกว่าพลิกคว่ำ กดจูบหนักๆ ลงบนหลังต้นคอขาว แล้วกดตัวลงแนบชิดอีกฝ่าย แล้วดึงตัวออกอย่างค่อยเป็นค่อยไปที่สุด
ภายในร่างกายของเจิ้งเซวียนร้อนผ่าวและโอบรัดตัวตนของเขาแนบแน่น ขยับเพียงนิดอีกฝ่ายก็หลุดเสียงครางออกมา
“อวี๋เฟิง…”
ร่างที่ถูกกดข่มไว้เรียกชื่อเขา ราวกับประท้วง แต่กระแสเสียงที่หอบพร่าระริกไหวนั้นกลับกระตุ้นให้เสือกกายสอดแทรกอย่างหนักหน่วงและเร็วยิ่งขึ้น
ฝ่ามืออีกฝ่ายป่ะป่ายไปตามแผ่นหลังเขา พร้อมริมฝีปากครวญแผ่วหวิวปะปนไปกับเสียงเรียกชื่อเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
end.
talk zone : ตอนแรกก็ไม่ได้ชิปค่ะ พออ่านสปอยล์ก็ชิป หวงอวี้ < เจิ้ง (แต่แท็กชื่อใช้ เจิ้งหวงอวี้ ฮา)
พอพี่อวี้ชงเท่านั้นแหละค่ะ ชิปเลย! พี่จะชงขนาดนี้ไม่ด้ายยยยยยย คนเขาให้ใจพี่ขนาดนี้ ชงกับคนอื่นซะแบบ เจ้าตัวรู้คงน้ำตาตก ถถถถถถถถถถถถ
ตอนหน้า ถ้ายังเมากาวไม่เลิก ก็สปอยล์จังๆ แล้วค่ะ แต่สปอยล์มากก็ชิปมากเช่นกัน ยืนยันหัวเรือนี้เลยว่าเป็นพี่อวี้ค่ะ 555555555555+