[QZGS Fic] ไกลเกินพันลี้ [01]

[QZGS Fic] ไกลเกินพันลี้ [เยี่ยหลาน]

Fandom : Quan Zhi Gao Shou เทพยุทธ์เซียน Glory

Pairing : เยี่ยซิว x หลานเหอ , หวงเส้าเทียน x อวี้เหวินโจว

Note : AU แนวย้อนยุคโบราณ สมัยเจ็ดแคว้นของจีน มีความเมากาวและยำใหญ่พอประมาณจากเจ็ดมาเหลือห้า ด้วยความขี้เกียจค่ะ ชื่อฟิค เชียนหลี่จือไว่ (千里之外) ไกลเกินพันลี้ มาจากการคว้านหาตัวเสี่ยวหลานของพี่เยี่ย *me จริงๆ จิ้มๆ มาจากชื่อเพลงจีนที่ชอบค่ะ ยากกว่าแต่งฟิคก็คิดชื่อฟิคนี่แหละค่ะ ฟฟฟฟฟ

 

 

 

 

 

เชียนหลี่จือไว่
[ 千里之外 ]

 

 

 

 

อวี้เหวินโจวย่อมคาดเดาได้

หลานซีเก๋อถูกตีแตกพ่ายไปนานหลายสัปดาห์แล้ว ไร้มือเท้า ถูกปิดหูปิดตา ก็ใช่ว่าอ๋องแห่งหลานอวี่จะสิ้นปัญญาไปด้วย

 

ปลายนิ้วขยับขีดเขียนเส้นสายตัวอักษรลงบนม้วนไผ่ยังคงไว้ด้วยความนิ่งสงบเยือกเย็น หากต้องการให้หูหนวกตาบอดจริงๆ อวี้เหวินโจวมั่นใจว่าต้าอ๋องแห่งซิงซินผู้นั้นมีวิธีการที่เหี้ยมโหดกว่านี้ ไหนเลยจะออกคำสั่งเพียงกักบริเวณตน

 

การกระทำหลายสิ่งสอดคล้องประจวบเหมาะเกินไป ราวกับมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง

 

เมืองหน้าด่านถูกตีแตกแล้วไยไม่รุกคืบ

จับกุมตัวอ๋องแห่งหลานอวี่ได้ไยมิเด็ดศีรษะ

 

พฤติกรรมคล้ายรุนแรง หากไม่เด็ดขาดเช่นนี้ ผิดวิสัยของเยี่ยซิวมากเกินไป

 

ปลายพู่กันหยุดลง … ตัวอักษรยังไม่ถูกเติมเต็มให้ครบสมบูรณ์

 

และนานเกินไปสำหรับคนผู้นั้น…

 

… เจ้าไม่เคยหายไป โดยไร้ข่าวคราวเช่นนี้

 

… เส้าเทียน …

 

 

…………………………

…………..

…….

..

.

 

หวงเส้าเทียนพบว่าตนยังมีชีวิตอยู่

 

ภายใต้แสงดาราพร่างพราย ดวงจันทร์ในคืนเพ็ญส่องสว่างเยียบเย็น

 

ชายหนุ่มเบิกตาค้าง มองท้องฟ้าเบื้องบน ด้วยไม่อาจกระดิกกระเดี้ยวได้แม้แต่ปลายนิ้ว ความเจ็บปวดที่เคยด้านชาไปเมื่อตอนหลับใหล พลันฟื้นขึ้นมาด้วย

 

ร่างกายนี้ยังครบถ้วนมีอวัยวะสามสิบสองไม่ขาดหรือเกิน เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป หากไม่ใช่ว่าเสี้ยววินาทีที่โรมรันพันตูนั้น เขาได้ตัดสินใจพุ่งลงน้ำหวังตายเอาดาบหน้า ยามนี้แผ่นดินคงไร้ชื่อ – อริยดาบ- หวงเส้าเทียนไปแล้ว

 

ครู่ใหญ่จึงรวบรวมแรงกายได้มากพอแล้วโคจรพลังเพื่อฟื้นฟูร่างกายจากการบาดเจ็บด้วยคมธนู สมกับเป็นมือเกาทัณฑ์หญิงอันดับหนึ่งล้วนแล้วแต่เล็งมาที่จุดตาย พลิกแพลงหลบไปได้ด้วยก้าวเงาดาบ แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้ทั้งหมด

 

ข้อดีอย่างเดียวคือลูกธนูทั้งหมดไร้ยาพิษ

 

เมื่อมิอาจยั้งมือไว้ไมตรี ในฐานะสหายย่อมเหลือทางรอดไว้ให้แก่กัน

 

ระหว่างที่ร่างของเขาร่วงหล่นลงจากหน้าผาสูงชัน อนุสติอันพร่าเลือนกลับได้ยินเสียงเรียบเฉยคล้ายกับไม่แยแสว่า ‘ไม่ต้องตาม’  ก่อนจะสำนึกรับรู้สุดท้ายเลือนหายไปโดยสมบูรณ์

 

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน เนื้อตัวเปียกโชกไปทั้งร่าง ฝีเท้ายังซวนเซ เดินไปไม่เท่าไหร่ก็กระอั่กเลือดออกมากองโต แล้วล้มลงกับพื้นอีกครั้ง คราวนี้จึงไม่ใจร้อนอีก ทิ้งกายเอนลงแล้วหลับตา

 

กระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดพาร่างของเขาปะทะโขดหินโสโครกมากมาย เสื้อผ้าอาภรณ์ขาดรุ่งริ่ง มีร่องรอยขูดข่วนนับไม่ถ้วน ถึงกระนั้นกลับไม่กระทบกระแทกศีรษะหรือส่วนสำคัญจนพิกลพิการ นับว่าฟ้ายังเมตตาปรานีกันบ้าง

 

หาไม่แล้ว… คงไม่อาจอยู่เคียงข้างคนคนนั้นได้อีก

 

 

ความมืดมิดของราตรีกาลโรยตัวเงียบงัน เช่นเดียวกับไอเย็นยามค่ำของป่าเขา หวงเส้าเทียนกลับไม่นำพาต่อความเหน็บหนาวที่เพิ่มมากขึ้นแม้แต่น้อย ยังคงก้าวไปตามแนวของแม่น้ำ อาศัยแสงดาวและความสว่างในคืนเดือนเพ็ญเร่งเดินทาง หมายมาดจะพ้นชายป่าในรุ่งสาง เป้าหมายคือเมืองหลวงหลานอวี่

 

นึกกลัวเพียงแต่ว่าตัวเขาอาจจะถูกพัดพามาไกลเกินไป

 

แรงใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ทำให้สองเท้าเขายังก้าวต่อไปราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เมืองหน้าด่านหลานซีเก๋อแตกแล้ว ทัพหน้าไร้แม่ทัพเช่นเขาคงยากจะรวบรวมทหาร ภายใต้การนำขบวนของห้ายอดฝีมือ การถอยหนีประชาชนส่วนใหญ่น่าจะปลอดภัยดี

 

ซูมู่เฉิงเป็นแม่ทัพหญิงแกร่งกล้าเกรียงไกร แต่หาได้โหดเหี้ยมอำมหิตซะทีเดียว คงไม่ไล่ตามกลุ่มผู้คนไร้อาวุธเป็นแน่ ดูจากที่คล้ายจงใจปล่อยให้เขาหนีรอดได้เช่นนี้ เห็นทีว่าเรื่องการตีหลานซีเก๋อมิแคล้วคงมีเบื้องหน้าเบื้องหลังมากกว่าหมายช่วงชิงเขตแดน

 

เดินจวบจนฟ้าสาง จึงได้มองเห็นควันไฟลิบๆ จำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อนมีหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งไม่ใกล้จากตัวเมืองหลานซีเก๋อนัก กระแสน้ำมิได้พัดพาเขาไปไกลเท่าที่กังวล

 

หวงเส้าเทียนหยุดพักหายใจที่หมู่บ้านชั่วครู่ ในตัวไม่มีสิ่งมีค่าใด ซ้ำยังสกปรกมอมแมมราวกับคนจรจัดก็ไม่ปาน สะดวกอย่างยิ่งที่จะปั้นแต่งว่าตนพลัดพลงจากครอบครัว หลังจากถูกโจรเขาจู่โจม พรากจากพี่น้อง ไม่รู้เป็นตาย อาศัยท่าทางเซื่องซึมน่าสงสารจึงได้เสื้อผ้าชุดใหม่ เสบียง และตั๋วเงินเล็กน้อย

 

น้ำใจในครั้งนี้ เขาย่อมไม่มีทางลืมเลือน กลับถึงเมืองหลวงเมื่อใดจะต้องหาหนทางตอบแทนผู้คนเหล่านี้แน่นอน

 

ระยะทางไปยังเมืองหลวงหลานอวี่นั่น หาได้ยากลำบาก ด้วยดินแดนนี้เป็นภาคกลาง รอยต่อของการสัญจรมีขบวนสินค้าและคณะเดินทางผ่านไปมา มีทางเท้า ทางที่นำรถม้าวิ่งผ่านได้ด้วยซ้ำ

 

หากหวงเส้าเทียนกลับไม่ไว้วางใจสถานการณ์ระหว่างแคว้นในตอนนี้ ไม่เพียงกองกำลังของซิงซินที่อาจจะยังลาดตระเวนอยู่ แต่ทหารเจียซื่อที่กระจัดกระจายอยู่ก็ไม่อาจดูแคลน จึงเลือกใช้เส้นทางลดเลี้ยวซับซ้อน ซึ่งติดตามได้ยาก กลบเกลื่อนร่องรอยได้ง่าย

 

ซ้ำยามนี้เขาเป็นชายหนุ่มที่เดินทางเพียงลำพัง สะดุดตาเกินกว่าจะใช้เส้นทางที่ตัดผ่านกลางเมือง แม้ใช้เวลาหลายวัน แต่ก็ไม่โดนกลุ่มกองกำลังของผู้ใดโจมตีระหว่างทาง สามารถเล็ดลอดเข้าเขตเมืองชั้นในได้อย่างไม่สะดุดตา อาศัยชาวบ้านและขบวนสินค้าที่ผ่านเข้าออก แฝงตัวปะปนไปกับผู้คนเล็ดลอดเข้าสู่กำแพงเมืองได้สำเร็จ

 

การแทรกซึมของทหารซิงซินมีทุกตรอกซอกซอย ยังดีที่เป็นเพียงทหารระดับล่าง หาใช่ระดับแม่ทัพนายกองที่เคยเห็นหน้าค่าตากัน หาไม่แล้วตัวเขาที่ไร้อาวุธคู่มือคงยากจะตีฝ่าไปได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาตอนนี้คือข่าวสารสอบถามจากชาวบ้านที่ร่วมทางก็ได้เพียงเรื่องราวทั่วไป จำเป็นต้องตามหาคนของหลานอวี่ที่ยังแฝงตัว ซุ่มรอโอกาสอยู่

 

ครั้นพาตัวเองเข้าโรงเตี๊ยมอันพลุกพล่านกลับพบเจอกลุ่มคน… หรือจะพูดให้ถูกต้องคือคนสองคน

 

หวงเส้าเทียนทอดสายตาไปรอบๆ อย่างพิจารณา ค้นพบได้ไม่ยากเย็นว่าจุดร่วมสายตาของคนกว่าครึ่งจดจ่ออยู่ที่มุมหนึ่ง

 

แสงแดดอ่อนจางของยามอรุณรุ่งทอทอดผ่านหน้าต่าง ตกกระทบใบหน้าหมดจดอ่อนเยาว์ดวงหนึ่งของร่างเพรียวบางในชุดอาภรณ์เรียบง่าย แต่กลับดูคล้ายคุณหนูในห้องหอที่แอบเร้นกายจากคฤหาสน์งามออกมาเผชิญโลกภายนอกอย่างไรอย่างนั้น

 

เสี่ยวหลานเอยเสี่ยวหลาน…

รู้ตัวหรือไม่ว่าใบหน้าเช่นนั้นเป็นภัยต่อตนเองยิ่งนัก

 

 

 

 

tbc.

talk zone : ความดองเค็มนี้…. สองเดือนนิดๆ ได้อะค่ะจากบทนำ //ซับ อาจจะงงๆ ไปบ้าง ทำสมุดจดพล็อตเรื่องนี้หายค่ะ ปะติดปะต่อจากความทรงจำที่เคยเมาๆ ไว้ อาจจะมีกลับมาแก้ทีหลังนะคะ  555555555555555+

[QZGS Fic] ไกลเกินพันลี้ [Pro]

[QZGS Fic] ไกลเกินพันลี้ [เยี่ยหลาน]

Fandom : Quan Zhi Gao Shou เทพยุทธ์เซียน Glory

Pairing : เยี่ยซิว x หลานเหอ

Note : AU แนวย้อนยุคโบราณ สมัยเจ็ดแคว้นของจีน มีความเมากาวและยำใหญ่พอประมาณจากเจ็ดมาเหลือห้า ด้วยความขี้เกียจค่ะ ชื่อฟิค เชียนหลี่จือไว่ (千里之外) ไกลเกินพันลี้ มาจากการคว้านหาตัวเสี่ยวหลานของพี่เยี่ย *me จริงๆ จิ้มๆ มาจากชื่อเพลงจีนที่ชอบค่ะ ยากกว่าแต่งฟิคก็คิดชื่อฟิคนี่แหละค่ะ ฟฟฟฟฟ

 

 

 

 

 

เชียนหลี่จือไว่
[ 千里之外 ]

 

 

 

 

รัฐซิงซิน อดีตรัฐเจียซื่อ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก อาณาเขตกว้างใหญ่ทางผ่านสู่ทวีปตะวันตก ระบบทหารอ่อนแอ จากระบบเกณฑ์ตามศักดินา ประชาชนแร้นแค้นอดอยาก แม้มีความอุดมสมบูรณ์ ทั้งป่าเขา ทุ่งหญ้าและแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่าน แต่ที่ดินไร่นาเป็นของเชื้อพระวงศ์และขุนนาง ต่อมามีการปฏิรูปจัดสรรที่นาให้ชนชั้นล่างทำกิน เปลี่ยนแปลงระบบทหารให้เป็นการขันอาสา มีรางวัลจากการทำศึก การเมืองและการทหารจึงเข้มแข็งมากขึ้น ปัจจุบันมีกำลังทหารราวหนึ่งล้านคน ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดารัฐทั้งหมด

รัฐเว่ยเฉา อยู่ทางใต้พื้นที่กว้างขวางที่สุด ซึ่งเพราะเหตุผลนี้การเดินทางไม่สะดวกสบาย ทำให้ความดูแลภายในรัฐเลยไม่ทั่วถึง กำลังทหารไม่แน่ชัด แต่มีปราการธรรมชาติคือเทือกเขาและแม่น้ำสายใหญ่ยากเคลื่อนพลผ่าน

รัฐหลุนหวย อยู่ทางตอนเหนือติดทุ่งหญ้าและเผ่านอกด่าน เลี้ยงม้าเยอะมาก จึงทำให้เชี่ยวชาญการรบบนหลังม้า กองทัพเข้มแข็ง มีนักรบมากกว่านักปราญช์นักคิด กำลังทหารเป็นรองเพียงรัฐซิงซิน แต่ก็ยังน้อยกว่าซิงซินอยู่ครึ่งหนึ่ง

รัฐหลานอวี่ ครอบครองดินแดนตอนกลางที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด มีบัณฑิตและนักปราญช์นักคิดมากมาย เจริญรุ่งเรืองด้วยนโยบาย ‘ต้อนรับคนดีมีฝีมือ ไม่เกี่ยงเลือกว่าจะต้องเป็นคนแคว้นหวานอวี่เท่านั้น’ แต่ตกอยู่กลางวงล้อมของรัฐอื่นๆ มีกระทบกระทั่งโดยรอบตลอดเวลา มีกำลังทหารเพียงสองแสนคน แต่อาศัยการทูตความประนีประนอม และเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับซิงซินและหลุนหวย

รัฐป้าถู ตั้งอยู่ทางตะวันออกติดทะเล อดีตมีชื่อยิ่งยงเคียงคู่มากับเจียซื่อในยุคแรกเริ่ม ทั้งด้านการเมืองและการทหาร จนมีคำกล่าวว่า เจียซื่อครองตะวันตก ป้าถูครองตะวันออก ปัจจุบันไม่ค่อยยุ่งเรื่องราวภายนอกแคว้นเท่าใดนัก

 

ณ ปัจจุบัน

ในการฉลองพิธีสถาปนาขึ้นเป็น ต้าอ๋องเยี่ยแห่งแคว้นซิงซิน เกิดการขัดขวางจากกลุ่มกบฎผู้ภักดีต่อเถาอ๋องแห่งเจียซื่อ อดีตอ๋องของแคว้นเข้าขัดขวางงานสถาปนานี้ หวังลอบปลงประชนม์ต้าอ๋องคืนอำนาจสู่สายเลือดเจียซื่อ อาศัยจังหวะที่กำลังป้องกันเมืองหลวงอ่อนลง จากการที่แม่ทัพหญิง ซูมู่เฉิงขอเดินทัพ ตี ‘หลานซีเก๋อ’ เมืองหน้าด่านแห่งหลานอวี่เป็นของขวัญแก่เยี่ยอ๋อง แม้ได้ถึงกำจัดได้ในเวลาต่อมา แต่ก็มีบางส่วนหลบหนีเข้าสู่แผ่นดินแคว้นหลานอวี่อยู่ดี

ฝ่ายอวี้อ๋องแห่งแคว้นหลานอวี่ได้ข่าว ถึงส่งแม่ทัพใหญ่ หรือที่รู้จักกันทั่วทั้งห้าแคว้นในฉายา ‘อริยดาบ หวงเส้าเทียน’ ช่วยเหลือห้ายอดฝีมือของหลานซีเก๋อเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนให้อพยพออกจากเมืองให้มากที่สุด

แบ่งกำลังเป็นสองฝ่าย แยกกองกำลังที่จะติดตาม โดยเหลี้ยงอี้ชุนและหลานเฉียวชุนเสวี่ย ซี่โจวคุมกลุ่มคนชุดแรก สู่กวงเฉวียนปิง รู่เยี่ยหาน และปี่เหยียนเฟยคุมกลุ่มที่สอง

การปะทะของยอดจอมยุทธดาบอันดับหนึ่งและมือเกาทัณฑ์หญิงอันดับหนึ่ง แสงสว่างวาบของคมดาบที่ฟาดกันผ่านผ่าธนูดำเนินอยู่สามวันสามคืน

เปลวเพลิงลุกท่วมหลานซีเก๋อ หลังฝุ่นควันจางหายมีแต่ซากปรักหักพังและรอยเลือด

ยามเมื่อหลานเหอหรือหลานเฉียวชุนเสวี่ยย้อนกลับมา พบเจอเพียงดาบเยือกแข็ง… อาวุธคู่มือของแม่ทัพแห่งหลานอวี่

… ไร้เงาร่างหวงเส้าเทียน … อริยดาบผู้นั้นหายสาบสูญ…

ท่ามกลางเศษซากของเมืองที่เหลืออยู่ กลิ่นไหม้ของเลือดเนื้อ กลิ่นของคนตายทำให้เขาแทบสิ้นหวัง เด็กหนุ่มทรุดลงตรงหน้าดาบที่บัดนี้ไร้เจ้าของ ใจหวนคิดถึงคำพูดหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ของผู้เป้าหมายสูงสุดในชีวิตนักดาบของตน นานครั้งที่เจ้าตัวจะไม่ฝอยนอกเรื่องให้ผู้อื่นเบือนหน้าหนี

‘เสี่ยวหลานเอ๋ยเสี่ยวหลาน ใจดีเกินไปเช่นนี้ ครุ่นคิดห่วงกังวลเช่นนี้ หาใช่คุณสมบัติของนักดาบ อย่าหาว่าเกอดูถูกเลยนะ เจ้าไม่เหมาะกับวิถีจอมยุทธดาบหรอก’

ประกายกล้าบนคมดาบที่คราบเลือดเกรอะกรังไม่อาจทำให้หมองหม่น

“เหล่าชุน… ข้า…”

มือใหญ่วางบนลาดไหล่เล็ก บีบแน่นเพื่อให้กำลังใจ

“ข้าจะไปด้วย หากท่านเทพหวงยังมีชีวิตอยู่ ที่เดียวที่จะกลับไปย่อมข้างกายท่านผู้นั้นแน่นอน”

เหลียงอี้ชุนกล่าว หลานเฉียวชุนเสวี่ยหรือชื่อจริง ‘สวี่ปั๋วหยวน’ พยักหน้ารับ ในห้าแว่นแคว้นนี้ แม้ท่านเทพหวงเส้าเทียน อริยดาบแห่งหลานอวี่จะไม่ได้เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่ง แต่ทุกผู้นามต่างรู้ดีว่าคมดาบนั้นมีไว้เพื่อปกป้องคนคนเดียว

อ๋องแห่งหลานอวี่ ‘อวี้เหวินโจว’

ผู้ซึ่งทั้งสองคนหาได้ล่วงรู้ว่าได้ถูกควบคุมตัวจากคำสั่ง ต้าอ๋องแห่งซิงซิน จำกัดบริเวณในวังส่วนตัว ตัดขาดโลกภายนอก ปิดกั้นข่าวสารทั้งหมด สารแจ้งเตือนหลานซีเก๋อถูกตีแตก ได้รับคัดแยกและเผาทำลาย

เช่นเดียวกับข่าวการหายสาบสูญของหวงเส้าเทียน

 

 

 

เยี่ยซิวกำลังฝัน

ฝันถึงเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อน ตัวเขาที่ถูกขับไล่จากเจียซื่อ ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ควรรู้ว่าแม้ในอดีตตัวเขาจะแข็งแกร่งเกรียงไกร เป็นเทพสงครามไร้พ่าย แต่เขาก็ไม่ได้เป็นเทพจริงๆ เป็นมนุษย์ปุถุชนที่มีร่างกายของคนธรรมดา ในสภาพการไล่ล่าอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ เก่งกล้าเพียงไรก็ย่อมมีช่วงที่เหนื่อยล้า

ฝ่ามือเรียวเล็กของจอมยุทธดาบน้อยผู้หนึ่งได้ยื่นมาช่วยเหลือ สองมือเก้ๆ กังๆ ทำแผลให้ตัวเขาที่ทั้งร่างแดงฉานไปด้วยโลหิต มือคู่นั้นสั่นระริกในยามที่กดห้ามเลือดไว้

คนรอดตายหวุดหวิดกลับหัวเราะ นึกขันกับความไร้เดียงสาต่อโลกของเด็กคนนี้

“มันใช่เวลามาขำมั้ย!! หัวเราะจนพุงกระเพื่อมเช่นนั้นถ้าแผลปริแตกมากกว่านี้ ข้าคงได้แต่เอาเสื้อมากดให้ท่านห้ามเลือดแล้ว!!”

ผิดคาด… นึกว่าคนตรงหน้าจะเป็นเด็กน้อยสุภาพเรียบร้อยเสียอีก

ในห้วงสติอันเลือนราง เขาฝีนเปิดเปลือกตาขึ้น หมายจะประทับเก็บภาพของผู้มีพระคุณไว้ในความทรงจำติดตัว หากต้องลาโลกนี้ไปจริงๆ

ผมสีคราม ตาสีฟ้า ผิวพรรณและเค้าหน้าหมดจด ตามแบบฉบับชาวหลานอวี่แต่กำเนิด

 

เสี่ยวหลานอา… เสี่ยวหลาน…

เขาเรียกขานชื่อนี้ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

หวังว่าจะได้ตื่นขึ้นมายลโฉมหน้าของอีกฝ่ายให้ชัดเจน

 

 

แต่เฉกเช่นในวันนั้นที่เขาตื่นขึ้นมาพร้อมผ้าพันแผลที่ถูกเปลี่ยนใหม่ ปราศจากเงาร่างของใครบางคนที่ประคับประคองเขาไว้ตลอดคืน

 

ในวันนี้… ที่ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่บนฝ่ามือตน

ข้างกายก็ยังคงว่างเปล่าเช่นเดิม

 

เยี่ยซิวฟังรายงานการจับกุมกลุ่มกบฎผ่านหูอย่างไม่ใคร่ใส่ใจนัก อย่างไรเสียด้วยกองกำลังที่สิ้นหัวหน้าคอยนำทาง แตกกระสานซ่านเซ็น ไม่นานนักก็จะถูกกำจัดสิ้นในที่สุด

“หลานอวี่…?”

“ล่าสุดได้รับรายงานว่ามีกองกำลังกลุ่มใหญ่ของกบฎซ่องสุมอยู่แถบเขตเมืองหลวงหลานอวี่ แต่สถานการณ์ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนัก นอกจากทหารรักษาการณ์แล้ว ยังมีกองกำลังพิเศษที่ควบคุมตัวอวี้เหวินโจวอยู่ด้วย คงไม่อาจสร้างคลื่นลมอะไรได้”

ถังโหรว แม่ทัพซ้ายแห่งซิงซินขมวดคิ้ว หญิงสาวอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดจึงต้องส่งกองกำลังพิเศษที่มียอดฝีมือหลายคนไปเป็นผู้ดูแลอวี้อ๋องแห่งหลานอวี่ผู้นั้นด้วย บุรุษอ่อนแอผู้ถือจับได้เพียงพู่กันเช่นนั้นจะหลบหนีหรือสร้างปัญหาได้อย่างไร

“เสี่ยวถัง… เกอจะบอกอะไรให้นะ เหวินโจวมือพิการก็จริงอยู่ แต่ตรงนี้น่ะ ไม่ได้พิการไปด้วย”

เยี่ยซิวคลี่ยิ้มเอ็นดู ขณะที่แตะนิ้วลงข้างขมับตัวเอง

“อยู่ข้างกายเกอที่เก่งกาจทั้งบุ๋นบู๋ เสี่ยวถังอาจจะเคยชินจนเกินไป แต่ในบรรดาห้าแคว้นนี้ ผู้ที่เจนจบในศาสตร์และปราชญ์ทั้งหมด นอกจากเกอแล้วก็มี เหวินโจว อวี้อ๋องแห่งหลานอวี่ผู้นั่นแหละ”

“แต่ขาดมือเท้าที่ใช้ทำงานคนผู้นั้นจะทำสิ่งใดได้”

ต้าอ๋องแห่งซิงซินหัวเราะขำ กับใบหน้าสวยงามที่ขมวดคิ้วแน่นจนดุดันด้วยความงุนงง

“มือเท้าที่ว่านั้น อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเจ้าตัวหรอก”

กลับเป็นซูมู่เฉิงที่แย้มรอยยิ้มอ่อนหวาน กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงไพเราะยิ่ง

“หวงเส้าเทียน? คนคนนั้นตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ…”

แม่ทัพหญิงซูและเยี่ยอ๋องสบตากัน

“เป็นต้องเจอตัว ตายต้องเจอศพ ยามนี้เราไม่เจอทั้งตัวหวงเส้าเทียนหรือศพของคนผู้นั้น ยากจะบอกได้ว่าเป็นหรือตาย”

“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอเกอออกยืดเส้นยืดสายบ้างดีกว่า”

ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นจากตั่งเตียง พลางร้องเรียกชื่อคนผู้หนึ่ง

“เปาจื่อ”

ร่างสูงใหญ่ราวกับอสูรของเด็กหนุ่มแทรกกายผ่านประตูเข้าสู่ห้องส่วนพระองค์ ใบหน้าหล่อเหลาเยาว์วัยยิ้มสดใส

“ลูกพี่ๆ วันนี้จะไปเล่นที่ไหนกันเหรอ?”

มือเรียวสวยงามราวมือของหญิงสาววางลงบนศีรษะที่โน้มลงมาถามไถ่อย่างกระตือรือล้น

 

“เสี่ยวถัง เปาจื่อ ไปเปิดหูเปิดตากับเกอดีกว่า”

 

 

tbc.

talk zone : ความเล่นใหญ่นี้…… ถ้าอ่านไม่รู้เรื่องยังไงก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ คือถ้าเขียนรายละเอียดทั้งหมดนี่ กว่าอิพี่จะได้เจอเสี่ยวหลานอาจจะสี่ห้าตอนได้ เลยมีความตัดทอนไปพอสมควร ฟฟฟฟฟฟ

จุดเริ่มต้นคือแค่อยากเขียน AU ย้อนยุคเยี่ยหลานกับหวงอวี้ ที่พี่เยี่ยบังคับน้องหลานไปอยู่ด้วยแท้ๆ มาไกลเหลือเกินค่ะะ

 

 

[QZGS Fic] Impulse [03]

[QZGS Fic] Impulse

Fandom : Quan Zhi Gao Shou เทพยุทธ์เซียน Glory

Pairing : เยี่ยหลาน (เยี่ยซิว*หลานเหอ)

Note :
– มาจากชินดัน 3 Keywords ค่ะ
– มีสปอยชื่อจริงหลานเหอนะคะ
– รอบนี้คีย์เวิร์ดมาจาก #  เยี่ยหลานภาษาแม่นะคะ

1.ลูกบุญธรรม 2.เพื่อนหักหลัง 3.พิการ

 

 

 

 

 

[Impulse]

 

 

 

 

 

 

เยี่ยซิวคลี่ยิ้มที่ปั้นแต่งให้จริงใจและอ่อนโยนมีเมตตาที่สุด

 

ยามคุกเข่าลงตรงหน้าเด็กน้อย

 

โชคดีที่วันนี้เขาแต่งตัวด้วยชุดเครื่องแบบเต็มยศแบบที่ไม่ใคร่ทำเป็นปกตินัก เด็กน้อยแสนฉลาดเฉลียวตรงหน้าจึงไม่ถอยหนีซะก่อน

 

ป้ายชื่อที่ห้อยคอ ‘สวี่ปั๋วหย่วน’ นั่นคล้ายกับเคยผ่านหูมาก่อน รื้อค้นในสมองไม่นานนักก็ได้คำตอบ

 

บรรดาหัวหน้าหน่วยทั้งสี่ของสมาคมกลอรี่ที่ก่อตั้งขึ้นจากความร่วมมือของฟอร์คและเค้กนั่น มีเพียงคนเดียวที่เป็นเค้ก ซ้ำเมื่อเร็วๆ นี้ยังเข้าร่วมโครงการเลี้ยงดูเค้กรุ่นใหม่

 

…อวี้เหวินโจว… หัวหน้าหน่วยวิจัยและพัฒนาอาวุธต่อต้านฟอร์ค

 

‘อสรพิษแห่งหลานอวี่’

 

หรืออีกฉายาก็ ‘มือพิการ’ ในสมาคมที่อาศัยความรวดเร็วในการปฏิบัติการณ์ ปฏิกิริยาตอบสนองของเจ้าตัวถือว่าแค่แตะๆ ระดับเกณ์ฑ์มาตรฐานอย่างฝืนทนเท่านั้น เทียบกับระดับหัวหน้าหน่วยตัวกันแล้วจัดว่าเป็นความพิการชนิดหนึ่ง

 

แต่ก็ใช่ว่าจะมีใครจู่โจมอีกฝ่ายได้ง่ายดาย

 

อวี้เหวินโจวในยามลงมือกับร่างฟอร์คที่ใช้ทดลองนั้น แม้จะเชื่องช้าเสียจนน่าหวาดเสียว แต่หมดจดและเฉียบคม คล้ายกับงูที่คืบคลานอย่างเชื่องช้า ก่อนจะกลืนกินเหยื่อในคราเดียวไม่มีผิด

 

“เกอเป็นเพื่อนกับคุณพ่อเสี่ยวหลาน… ”

 

สวี่ปั๋วหย่วนหรือหลานเหอที่มองคุณลุงหน้าตาไม่น่าไว้ใจด้วยแววตาอ่อนลง และท่าทีระวังภัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ยินยอมเชื่อแต่โดยดี

 

“เหวินโจวน่ะ ทำหยิบจับอะไรช้ามากเลยใช่มั้ย? เห็นว่าเราต้องคอยช่วยเจ้าตัวทำโน้นทำนี้ตลอดเลยนี่”

 

เยี่ยซิวเอ่ย คล้ายประโยคบอกเล่า แต่กลับเป็นการยืนยันว่ารู้จักคุณพ่อของเด็กน้อยจริง แต่ไหนแต่ไรเรื่องความเร็วมือก็เป็นข้อด้อยของเจ้าตัวที่คนรู้กันทั่วอยู่แล้ว แต่เมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนว่าเกิดอยากเทำอาหารให้ลูกชายบุญธรรมกินเองขึ้นมา เลยลุกขึ้นมาหยิบจับเครื่องครัวที่ไม่เคยคิดแตะ แต่จนใจว่าอยู่คนเดียวมาช้านาน ความคืบหน้าของแต่ละขั้นตอนจึงใช้ระยะเวลานาน เรียกให้ลูกชายคนเดียวมาด้อมๆ มองๆ จนสุดท้ายผันตัวเป็นลูกมือในที่สุด

 

เรื่องนี้เป็นหัวข้อซุบซิบในหมู่เจ้าหน้าที่กลอรี่มาสักพักแล้ว ถึงความเห่อลูกของหัวหน้าหน่วยหลานอวี่ ซึ่งต้นตอของข่าวนี้ทำเพียงคลี่ยิ้มและก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปตามเดิม

 

เยี่ยซิวที่รู้จักอีกฝ่ายมาก่อน รู้ดีว่านั่นไม่ใช่รอยยิ้มที่เจ้าตัวเลือกสวมใส่แทนหน้ากาก แต่เป็นความยินดีและภูมิใจในตัวลูกชาย

 

อวี้เหวินโจวเห่อลูกชายบุญธรรมคนนั้นมากจริงๆ

 

ในตอนนั้นเขาเองไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก จนกระทั้งได้มาพบตัวจริง…

 

“อืม… คุณพ่อช้ามาก บางทีก็นอนขี้เซา พี่ชายเป็นเพื่อนกับคุณพ่อเหรอครับ?”

 

ฉลาดเฉลียวเกินวัยก็จริง แต่ก็ยังไม่เท่าทันผู้ใหญ่อยู่ดี หากใครจะนึกว่าผู้มีหน้าที่ปกป้องและเพื่อนของผู้ปกครองจะประสงค์ร้ายกันล่ะ?

 

ปลายนิ้วเรียวสวยปาดเช็ดเลือดซึมบนริมฝีปากบางของเด็กน้อย ร่างเล็กบางขืนตัวหนี แต่ไม่อาจพ้นมือของผู้ใหญ่ไปได้

 

นิ้วโป้งจงใจกดลงบนปากแผลให้แตกเพิ่มขึ้น เลือดของเสี่ยวหลานให้กลิ่นหอมอวลอ่อนของวานิลลา สัมผัสยามที่แตะลงบนผิวก็เหมือนเนื้อเค้กชิฟฟ่อนนุ่มๆ

 

แล้วน้ำตาล่ะ?

 

เยี่ยซิวหรี่ตามองหยดน้ำใสที่คลอบนแก้วตากลมโตนั้น โน้มใบหน้าลงไปชิด เรียวปากแตะบนหน้าผากคล้ายกับปลอบโยน สองแขนรวบกอดร่างเล็กที่สั่นเทาไว้ ก่อนบรรจงแตะจูบลงบนหางตาของเด็กน้อย

 

น้ำตาล… ไอซิ่ง…

 

น้ำตาของเสี่ยวหลานตัวน้อยให้รสชาติหวานนุ่ม… ละลายในปาก ยามกลืนกินเฉกเช่นน้ำตาลไอซิ่งที่บางเบาราวกับเกล็ดหิมะ

 

ยัง… ยังก่อน

 

หัวหน้าหน่วยปราบปรามโอบรั้งร่างเล็กขึ้นอุ้มแนบอก อาสาว่าจะพาไปส่งที่บ้านอย่างใจดี หลอกล่อด้วยถ้อยคำอ่อนโยน ชวนคุยเรื่องต่างๆ จนล่วงรู้ว่าเด็กน้อยเองมีความใฝ่ฝันจะเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ของหน่วยปราบปราม คอยจัดการสั่งสอนฟอร์คที่นิสัยไม่ดี

 

“ฟอร์คที่รังแกคุณพ่อน่ะ จะจัดการให้หมดเลย!”

 

สวี่ปั๋วหย่วนประกาศลั่น จริงจังจนเยี่ยซิวนึกขำ ว่าเด็กเอ๋ยเด็กน้อยช่างไร้เดียงสาเสียจนน่าเอ็นดู เค้กอย่างอวี้เหวินโจวนั่น คงมีแต่ฟอร์คระดับเขาเท่านั้นแหละที่จะรังแกอีกฝ่ายได้

 

“คุณพ่อของเสี่ยวหลานน่ะ แข็งแกร่งนะ”

 

เจ้าตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักตาม

 

“ใจดีที่สุดเลยด้วย!!”

 

“อ๊ะ… คุณลุง!”

 

เยี่ยซิวที่ดอมดมเส้นผมเล็กละเอียดราวสายไหมถึงแก่สะดุ้ง เมื่อถูกทัก ก่อนพรูลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วกล่าวแก้สรรพนามแทนตัวของตนเองที่ออกจากปากเด็ก

 

“เรียกว่าเกอเถอะ ฉันยังไม่แก่ขนาดนั้น”

 

“อือ.. เกอเกออยู่หน่วยปราบปรามใช่มั้ย รู้จักหวงเส้าเทียนหรือเปล่า? ผมน่ะนะ อยากเก่งให้ได้แบบเขาล่ะ!!”

 

ไม่แปลกใจนักที่เด็กๆ จะชอบหวงเส้าเทียน สไตล์การต่อสู้ในยามจับกุมฟอร์คของเจ้าตัวตื่นตาตื่นใจ ความรวดเร็วในการออกอาวุธคล้ายกับพิรุณที่พร่างพรมรุนแรงเป็นพายุ เสริมด้วย้อยคำขยะด่าประนามผู้ร้ายเข้าถึงจิตใจใฝ่คุณธรรมนักแล

 

“แล้วเยี่ยซิว?”

 

“เทพสงครามเก่งก็จริง แต่ผมว่าเขาน่ากลัว”

 

นับว่าสัญชาตญาณของปั๋วหย่วนน้อยยังพอเฉียบคมอยู่บ้าง

 

… แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะปกป้องตัวเองจากเขาอยู่ดี

 

 

 

แบบนี้ถือว่าเขาหักหลังเพื่อนร่วมงานมั้ยนะ?

 

Tbc. จนได้ค่ะ…

talk zone : มันก็จะเผาหน่อยๆ เกรียมนิดๆ นะคะ เราง่วงแล้ว 5555555+

แต่ไหนๆ ฟิคก็ทั้งสั้นทั้งเผา ขอแนะนำชนิดของเค้กที่สองพ่อลูกนี่เป็นแก้ตัวนะคะ

เริ่มที่น้องหลาน ปั๋วหย่วนของพี่เยี่ยและคุณพ่อ

Vanilla Malted Milk Cake

เนื้อเค้กชิฟฟ่อนนม หน้าเค้กซอสครีมวานิลลาหอมหวานค่ะ

cake_malt_main_1

ส่วนคุณพ่อ พี่อวี้

HOT FUDGE SWIRL ICE CREAM CAKE

เค้กไอศกรีมราดช็อกโกแล็ตเข้มข้น หวานเย็น และคมปร่านุ่มลึกค่ะ

Hot_Fudge_Ice_Cream_Cake8

ตอนแรกจะใช้คีย์เวิร์ด 1.ปกป้อง 2.เขี้ยว 3.เสื่อม แต่ไว้ตอนหน้าล่ะกันนะคะพี่ ฟฟฟฟฟฟฟฟ

ส่วนของหมาน้อยคู่หูพี่หวยออกที่ 1.การยั่วยวน 2.เฝ้ามอง 3.หลงทาง

…. มีความกำไรชีวิตในอันแรก หรือจะโดนพี่อวี้กระซวกไส้ไหลซะก่อนก็ต้องรอดูกัน ฮา

 

 

[QZGS Fic] Impulse [02]

[QZGS Fic] Impulse

Fandom : Quan Zhi Gao Shou เทพยุทธ์เซียน Glory

Pairing : หวงอวี้ (หวงเส้าเทียน*อวี้เหวินโจว) , เยี่ยหลาน (เยี่ยซิว*หลานเหอ)

Note :
– มาจากชินดัน 3 Keywords ค่ะ
– มีสปอยชื่อจริงหลานเหอนะคะ
– หวงอวี้ 1.คุณพ่อ 2.รักแรก 3.เค้กเวอร์ส

– เยี่ยหลาน 1.สถานที่เฉพาะของสองคน 2.โชตะค่อน 3.เค้กเวอร์ส

 

 

 

 

 

[Impulse]

 

 

 

 

 

 

“เชี่ย!! เชี่ย!! เชี่ย!! เชี่ย!! เกอว่าสมัยก่อนเกอก็อันตรายพอตัวแล้วนะ เทียบกับสหายแล้วดูเป็นปุถุชนคนธรรมดา! ปกติขึ้นมาทันที! น่ากลัว! นายนี่มันน่ากลัวชะมัดเลยว่ะ!!”

 

หัวหน้ากองปราบปรามฟอร์คที่มีพฤติกรรมรุนแรง มองเพื่อนร่วมงานที่เป็นคู่หูชี้หน้าสาดถ้อยคำขยะใส่เขาเป็นชุดด้วยสายตาเฉยชา

 

“แล้วไง? เกอไม่เคยทำอะไรเสี่ยวหลานสักหน่อย”

 

ชายหนุ่มทรุดกายลงนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งที่นานๆ ครั้งจะได้ใช้สักที ก่อนกดปลายบุหรี่ให้มอดลงกับที่เขี่ยบนโต๊ะทำงาน

 

“การเป็นสต็อกล์เกอร์จัดว่าเป็นภัยสังคมอย่างหนึ่ง”

 

จางซินเจี๋ย เจ้าหน้าที่แผนกสืบสวนสอบสวนส่งเสียงสำทับมา ขณะที่มือยังคงพิมพ์สำนวนคดีล่าสุดอยู่

 

นับจากเจอกันครั้งแรกก็ผ่านมาราวๆ ครึ่งปีได้แล้ว

 

เยี่ยซิวคิดว่าตัวเองเป็นคนใจเย็นมากทีเดียว เมื่อเทียบกับอาชญากรทั้งหลายแหล่ที่ตนเคยไล่ตามจับ ปกติฟอร์คที่บ้าคลั่ง ยามเจอเค้กครั้งแรก ฟีโรโมนและกลิ่นหอมหวานจะกระชากสติและสำนึกผิดชอบ หลงเหลือเพียงสัญชาตญาณและความหิวกระหายจะพุ่งเข้าใส่เค้กเพื่อกลืนกินอย่างตะกละตะกลาม

 

พื้นฐานเกอจิตใจดีงามขนาดไหน

 

คิดดูว่าครึ่งปีที่ผ่านมา นอกจากไปรับไปส่งเสี่ยวหลานทุกวันอย่างอดทน กอดนิดหอมหน่อยด้วยความเอ็นดู ก็ไม่เคยขาดสติชิมอีกฝ่ายเลยสักครั้ง

 

นิ้วเรียวยาวสวยงาม กวาดไล้ไปตามรูปถ่ายที่ให้คนไปถ่ายมา เรียงร้อยแขวนเป็นม่านอย่างโดดเด่นบนโต๊ะทำงานของหัวหน้าหน่วยปราบปราม แต่ใครเล่าจะกล้าตั้งข้อสงสัยหรือสืบสวนท่านหัวหน้าหน่วย

 

เทพสงคราม… ผู้เชี่ยวชาญอาวุธทุกรูปแบบและมีมันสมองเจ้าเล่ห์ร้อยแผนการ

 

“เสี่ยวหลาน… ปั๋วหย่วนของเกอ รีบโตเร็วๆ เถอะ”

 

… ก่อนที่เกอจะอดใจไม่ไหว

 

 

หวงเส้าเทียนขนลุกหนักมาก…

 

เชี่ยเอ๊ย! นี่เขานึกว่าเยี่ยซิวเป็นฟอร์คตายด้านมาตลอดเลยเถอะ!!

 

 

เขาคิดเอาเองว่าเยี่ยซิวจะเป็นเหมือนตัวเองที่รับรู้กลิ่นอายของเค้กได้ แต่ไม่รู้สึกโหยหาหรือต้องการอะไร

 

ไม่กระหาย ไร้ปรารถนา

 

ตัวตนของเค้กไม่สามารถเติมเต็มความต้องการรับรสของเขาได้

 

หวงเส้าเทียนเคยล่า…. เคยกัดขย้ำเนื้อเค้กมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คน

 

บางคนหวานไป บางคนจืดไป หลายคนเลี่ยนจนแทบอ้วก

 

…ไม่อร่อยสักนิด…

 

วานิลา ช็อกโกแล็ต ผลไม้ หรือจะเค้กอะไรก็ตาม ไม่เคยดึงดูดใจเขาได้เลย

 

 

 

 

ความคลั่งไคล้ของเพื่อนทำให้เขาสงสัย ความต้องการที่เอ่อล้นจนมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ทำให้อยากรู้อยากเห็น

 

หลานเหอ…. สวี่ปั๋วหย่วน เด็กคนนั้นเป็นเค้กแบบไหนกันนะ?

ถึงทำให้หัวหน้าหน่วยผู้เฉยชา ไม่แยแสเค้กคนไหนมาก่อนปรารถนา ต้องการจะกลืนกินได้ถึงขนาดนั้น

 

การสืบเรื่องเด็กคนนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร สำหรับคู่หูของหัวหน้าหน่วยปราบปรามเช่นเขา ด้วยตำแหน่งแล้วข้อมูลที่เข้าถึงได้ละเอียดถึงบ้านเลขที่และข้อมูลส่วนตัวด้วยซ้ำ

 

และชื่อของคนดูแลหรือ ‘คุณพ่อ’ ของสวี่ปั๋วหย่วนก็ทำให้เขาขมวดคิ้ว

 

… อวี้เหวินโจว…

 

 

ไม่น่าแปลกใจที่คนคนนี้จะเป็นคุณพ่อของเด็กในโครงการอบรมเค้กรุ่นใหม่  แต่น่าประหลาดที่เป็นคนรู้จักจนคาดไม่ถึงนี่แหละ

 

 

ครั้งแรกที่เขาพบกับอวี้เหวินโจว ยังเป็นสมัยที่ทำตัวไม่ต่างจากอาชญากร ไล่ล่าเค้กอย่างไม่สนใจกฎหมาย รู้แค่ตัวตนของเค้กสำหรับเขามันสมควรหายไปให้หมด

ถ้าหากไม่มีพวกเค้กแล้วล่ะก็… ฟอร์คอย่างพวกเขาอาจจะลิ้มรสอาหารทั่วไปอย่างมีความสุขก็เป็นได้

 

ตอนนั้นเขายังไม่โตพอที่จะรับรู้ถึงรสชาติของเค้ก เพียงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเบาบางของคนเป็นเค้กเท่านั้น แต่ก็ไม่อาจรับรู้รสชาติอาหารอื่นได้เช่นกัน

 

ระดับความหงุดหงิดและเกรี้ยวกราด พร้อมพรั่งไปด้วยพลังงานอันเหลือล้นจึงถูกใช้ไปกับการไล่ล่าทำร้ายเค้กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่

 

เว่ยชิน… พ่อของเขาที่เป็นคนธรรมดากลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก ไม่รู้จะแก้ไขนิสัยเสียๆ เช่นนี้ของเขาอย่างไร

 

เจ้าตัวจึงเลือกที่จะให้เขาพบคนคนหนึ่งแทน ซึ่งคนคนนั้นก็คือ… อวี้เหวินโจว

 

สำหรับเขา… เค้กเป็นมนุษย์ที่อ่อนแอ เป็นได้เพียงอาหารของฟอร์คเท่านั้น ภาพที่ได้เห็นจึงเป็นภาพที่ไม่อาจลืมได้เลยชั่วชีวิต

 

มือที่เชื่องช้าคู่นั้น… แทงปากกาด้ามหนึ่งใส่ฟอร์คที่พุ่งเข้ามาทำร้าย เลือดพุ่งออกมาชโลมลงบนร่างของเจ้าตัวจนแดงฉาน

 

ใบหน้าหมดจดดวงนั้นคลี่รอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะบิดคว้านจนอวัยวะภายในของอีกฝ่ายแทบทะลั่กออกมา

 

หวงเส้าเทียนมารู้ภายหลังว่าปากกาด้ามนั้นไม่ใช่ปากกาธรรมดาทั่วไป แต่เป็นปากกาชนิดพิเศษที่บรรจุสารเคมีซึ่งถูกคิดค้นมาเพื่อทำปฏิกิริยากับฟอร์คอย่างพวกเขาโดยตรง มีฤทธิ์คล้ายยาชาและกลายเป็นกรดเหมือนสัมผัสเลือดของพวกเขา

 

อวี้เหวินโจวไม่ได้เป็นคนอ่อนโยนนุ่มนวลเช่นฉากหน้า แต่เป็นหนึ่งในทีมวิจัยของที่ฟอร์คและเค้กจัดตั้งขึ้นร่วมกัน

 

มุมมองของเค้กในสายตาเขาเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ใช่ว่าเค้กทั้งหมดจะแข็งแกร่งได้เท่ากับอวี้เหวินโจวเสียหน่อย

 

เขายังไม่เลิกนิสัยเสียๆ ที่ระรานเค้กทั่วไปซะทีเดียว

 

จนกระทั้งเจอกับเยี่ยซิว…ที่ไม่ต่างจากเขา ไม่รับรู้รสชาติของเค้กเช่นกัน แต่เลือกที่จะแสดงออกอีกอย่างแทน

 

เยี่ยซิวกล่าวว่า

‘เพราะเกอเป็นคนจิตใจดีงาม จะให้ไปไล่กัดเค้กแบบหมาบ้าบางคน เกอไม่ทำลงหรอกนะ’

 

น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยไม่น่าเชื่อถือ และแน่นอนว่าไม่มีใครในหน่วยปราบปรามเชื่อเช่นกัน

 

จิตใจดีงามอะไรกันเล่า! ภายใต้หน้ากากปลาตาย ไร้ชีวิตชีวา เจ้าตัวเองก็หงุดหงิดกับประสาทรับรู้รสที่ผิดเพี้ยนของฟอร์คอย่างตัวเองเช่นกัน

 

จวบจนไม่นานมานี้… ประสาทรับรสของเยี่ยซิวถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้นจากกลิ่นเลือดของเค้กเด็กคนหนึ่ง

 

แน่นอนว่าทุกคนฮือฮา… และอยากรู้อยากเห็นในตัวเด็กคนนั้นอย่างออกนอกหน้า แต่เมื่อรู้ว่า ‘คุณพ่อ’ ที่ดูแล ‘เสี่ยวหลาน’ ของเยี่ยซิวเป็นใครก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะอยากรู้จักเด็กคนนั้นไปเอง

 

มาถึงจุดนี้… เขาเองก็อยากรู้เหมือนว่าเด็กนั้นจะเป็นเค้กแบบไหนในการเลี้ยงดูของเค้กที่แข็งแกร่งแบบอวี้เหวินโจว

 

 

อวี้เหวินโจวหาปั๋วหย่วนของเขาไม่เจอ

 

หากมีเวลาว่างจากงานวิจัยและงานเขียนที่เป็นฉากหน้า เขาจะมารับลูกชายคนเดียวของตัวเองเสมอ และเสี่ยวหลานเองก็เป็นเด็กดี รู้ความพอที่จะไม่วิ่งเล่นหรือออกไปกับคนแปลกหน้า

 

ได้รับทราบจากคุณครูประจำชั้นหน้าโรงเรียนคร่าวๆ ว่าปั๋วหย่วนจะมีพี่ชายข้างบ้านมารับกลับไป

 

พี่ชาย?

อวี้เหวินโจวจำไม่ได้ว่าข้างบ้านตัวเองมีคนที่ลูกเรียกพี่ชายตั้งแต่เมื่อไหร่

 

สิ่งนี้รบกวนใจเขาจนไม่อาจนิ่งเฉยได้

 

ชายหนุ่มกล่าวลาคุณครูประจำชั้นของเสี่ยวหลานอย่างมีมารยาท

 

โรงเรียนอนุบาลหลานซีเก๋อเป็นโรงเรียนที่เช้มงวดกับคนเข้าออก ต้องเป็นผู้ปกครองเท่านั้นที่จะรับเด็กกลับบ้านได้ หรือไม่ก็ต้องมีเอกสารยืนยันตัวตนที่ได้รับการเห็นชอบจากผู้ปกครองของเด็กจึงมารับแทนได้

 

อาศัยคำว่า ‘พี่ชายข้างบ้าน’ โดยปกติแล้วคุณครูประจำชั้นไม่ปล่อยลูกชายเขาไปกับคนแปลกหน้าแน่ๆ

 

แล้วคนคนนั้นเป็นใครกัน?

 

 

หวงเส้าเทียนปล่อยหลานเหอ… หรือสวี่ปั๋วหย่วนให้วิ่งเล่นในลานทรายของสนามเด็กเล่น ส่วนตัวเองก็นั่งไกวชิงช้ามองร่างเล็กๆ นั้นวิ่งไปมา

 

อาศัยเส้นสายนิดหน่อยและการพล่ามท่วมทุ่งน้ำไหลไฟดับของตนเอง ฉกเด็กคนนี้มาจากโรงเรียน

 

เส้นสายที่ว่าก็คือโรงเรียนหลานซีเก๋อเป็นของพ่อเขา ผู้อำนวยการเว่ยชินนั่นแหละ

 

ทีแรกหลานเหอมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตากลมโตใสกระจ่างไม่ปิดปังความชื่นชม ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร ชื่อเสียงของเขาในฐานะมือปราบเป็นหน้าเป็นตาให้หน่วยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แทนที่คุณหัวหน้าที่ไม่นิยมการออกสื่อ สำหรับเค้กเด็กๆ เขาก็เหมือนฮีโร่ที่คอยกำจัดฟอร์คนิสัยไม่ดีนั่นแหละ

 

และพ่อเขาก็ไร้ยางอายพอที่จะเอาจุดนี้มาเป็นจุดขาย เชิญชวนให้ส่งลูกหลานที่เป็นเค้กมาเรียนโรงเรียนตัวเองอย่างไม่อายเสียด้วย

 

ชายหนุ่มไล่สายตาตามร่างเล็กที่ปีนป่ายเครื่องเล่นในสนามอย่างเหม่อลอย

 

มองดูเด็กคนนี้แล้วเขาก็ไม่รู้สึกอะไรอยู่ดี เจอตัวแล้วความสงสัยยิ่งเพิ่มพูนด้วยซ้ำ

 

เค้กที่หอมหวานกว่านี้ กลิ่นอายเข้มข้นกว่านี้เยี่ยซิวก็เคยเจอมาแล้ว หลายคนทอดกายให้เจ้านั้นลิ้มรสด้วยซ้ำ มีเค้กไม่น้อยเลยที่รู้สึกดียามที่ฟอร์คกลืนกินตัวเอง

 

ขณะที่คิดว่าจะเอาไงต่อดีนั้น… ประสาทสัมผัสเขาคล้ายกับรับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่เข้ามาใกล้

 

 

กลิ่นหวานเย็น อวลอ่อนไปด้วยความนุ่มนวล แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงความเข้มข้นลึกล้ำเสียจนลำคอแห้งผาก

 

สมองคิดถึงรสชาติอ่อนหวานละมุนละไม ความเย็นฉ่ำที่แทรกผ่านเข้าสู่ปลายลิ้น หวานหอมและเยียบเย็น

 

ความกระหายอยากที่ไม่เคยมีแล่นพล่าน ความหิวโหยที่ไม่เคยปรากฏเอ่อล้น

 

สัญชาตญาณของฟอร์คที่ต้องการกลืนกินเค้กถูกไอเยียบเย็นที่ค่อยๆ คืบคลานเข้าในประสาทรับรู้เขา

 

ความรู้สึกของการหลอมละลาย

 

หวงเส้าเทียนหันไปตามกลิ่นหวานเย็นที่เข้ามาใกล้ขึ้นทุกทีอย่างเลื่อนลอย

 

เสียงฝีเท้าย่ำเหยียบใกล้เข้ามาขึ้นทุกที

เสียงใสแจ๋วของเด็กน้อยร้องเรียก ‘คุณพ่อ’ ก่อนโผเข้าหาร่างที่อ้าแขนรอรับ และรั้งขึ้นโอบอุ้มแทบจะในทันที

 

กลิ่นหอมหวานแสนเยียบเย็นอบอวล ยามที่ร่างของคนคนนั้นเคลื่อนกายมาหยุดตรงหน้าเขา ดวงตาสีอ่อนจับจ้องใบหน้าเขา

 

 

มือคู่นั้นจะให้ความรู้สึกแบบไหนนะ…

 

หวงเส้าเทียนไม่เคยเจอเค้กไอศกรีมมาก่อน

 

อุณหภูมิร่างกายของคนตรงหน้าจะเป็นอย่างไร ให้คาดคงเย็นเฉียบเหมือนกับไอศกรีม

 

น้ำตากับเหงื่อจะมีรสชาติแบบวิปปี้งครีมหรือลูกกวาดกัน…

 

เส้นผม ริมฝีปาก จะให้สัมผัสแบบไหนยามกัดลงไป

 

หากฟันของเขาขบลงไปบนปลายนิ้วนั้นจะเหมือนแทะหวานเย็นหรือเปล่านะ?

 

 

end?

 

talk zone : อะไรแบบนี้น่ะเร็วเชียววววววว พี่อวี้จะโดนหมาพุ่งมาไปแทะมั้ยยยยยยยยยยย

 

ส่วนเสี่ยวหลาน… ฮีโร่ของหนูจะกินคุณพ่อล่ะค่ะลูกกกก

 

 

 

 

 

 

[QZGS Fic] Impulse [01]

[QZGS Fic] Impulse [หวงอวี้][เยี่ยหลาน]

Fandom : Quan Zhi Gao Shou เทพยุทธ์เซียน Glory

Pairing : หวงอวี้ (หวงเส้าเทียน*อวี้เหวินโจว) , เยี่ยหลาน (เยี่ยซิว*หลานเหอ)

Note :
– มาจากชินดัน 3 Keywords ค่ะ
– มีสปอยชื่อจริงหลานเหอนะคะ
– หวงอวี้ 1.คุณพ่อ 2.รักแรก 3.เค้กเวอร์ส
– เยี่ยหลาน 1.สถานที่เฉพาะของสองคน 2.โชตะค่อน 3.เค้กเวอร์ส

 

 

 

 

 

 

[Impulse]

 

 

 

 

 

 

‪อวี้เหวินโจวเป็นเค้ก‬

 

‪สมัยเด็กบ่อยครั้งมักถูกจู่โจมโดยฟอร์คที่ควบคุมสติไม่ได้ ‬

 

‪โชคดีที่เขายังพอมีไหวพริบในการเอาตัวรอดอยู่บ้าง จึงไม่โดนบังคับกินและตายเพราะฟอร์คที่บ้าคลั่งมากเกินไป‬

 

‪แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าตนเองเป็นเค้กชนิดไหน ‬

 

‪จวบจนวันหนึ่ง… ระหว่างทางกลับบ้าน ‬

 

‪วันนั้นเป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง ไม่มีเค้าลางของเรื่องร้ายแม้แต่น้อย‬

 

‪เขาถูกจู่โจม กลุ้มรุมจากฟอร์คหลายคน ‬

 

‪รอดจากมือหนึ่ง ชนเข้ากับอีกคน หลุดจากคนที่สองปะทะกับคนที่สาม‬

 

‪คนพวกนี้คงเป็นฟอร์คที่หิวกระหายจนรวมตัวกันเพื่อล่าเค้ก‬

 

‪เขาประมาทเกินไป‬

 

‪เสื้อผ้าถูกดึงทึ้ง เนื้อตัวถูกมือของคนแปลกหน้าแตะต้อง‬

 

‪เมื่อเคลื่อนไหว ย่อมมีเหงื่อ ‬

‪เมื่อหวาดกลัว ย่อมมีน้ำตา‬

 

‪ของเหลวในร่างกายเค้กก็เหมือนน้ำเชื่อมรสหวานของฟอร์ค‬

 

‪ขยะแขยงแทบขาดใจ เขาภาวนาให้ตัวเองตายไปเลยด้วยซ้ำหลังการกินครั้งนี้‬

 

‪”เสียชื่อฟอร์คนิสัยดีแบบฉันหมด…”‬

 

‪เสียงเอื่อยเฉื่อยดังขึ้นเหนือหัว ‬

 

‪ทุกสายตาจับจ้องไปที่ต้นเสียง ซึ่งปรากฏร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่ง ใบหน้าโทรม รกเรื้อนไปด้วยหนวดเครา ดวงตาลึกโหลแบบคนนอนไม่เต็มอิ่ม‬

 

‪แต่มือที่หนีบบุหรี่นั้นสวยมาก สวยจนไม่อาจละสายตา‬

 

‪เจ้าตัวทิ้งบุหรี่ลงพื้น ขยี้ด้วยปลายเท้า‬

 

‪”ปกติเกอไม่ชอบใช้ความรุนแรง พื้นฐานแล้วเกอเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา”‬

 

‪มือเรียวยาวที่สวยงามคู่นั้นหักกร๊อบ ดวงตาสีดำขลับราวราตรีดวงนั้นทอประกายเยียบเย็น‬

 

‪รักครั้งแรกของเขาเริ่มต้นที่นั้น และจบลงโดยไม่ทันได้ผลิบาน‬

 

‪หลังจากเขาโดนจู่โจม ไม่นานนับจากนั้นก็มีข่าวเค้กถูกฟอร์ครุมทำร้ายและกัดกินถึงตายเพิ่มขึ้น อีกหลายคดี ประชากรฟอร์คและเค้กเพิ่มขึ้นในสังคมในระยะหลังๆ ส่งผลในที่สุด จึงมีการรวมตัวกันเพื่อหาข้อยุติเหตุการณ์ร้ายนี้ ‬

 

‪มาตรการป้องกันและยาระงับอาการกระหายของฟอร์คออกสู่ท้องตลาดและแจกจ่ายบางส่วนแก่ฟอร์คที่ไม่มีเงินมากพอจะซื้อหา‬

 

‪สถานการณ์เหมือนจะคลี่คลายลง แต่คดีรุมทำร้ายก็ยังไม่หมดไปซะทีเดียว จึงได้มีการจัดตั้งหน่วยงานส่งเสริมการเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตในสังคมของเค้กและฟอร์ค จับคู่เค้กที่ใช้ชีวิตมานานกับเค้กที่ยังเด็ก เพื่อสั่งสอนถึงอันตรายในการใช้ชีวิต ข้อควรระวัง ฟอร์คเองก็เช่นกัน แต่ในส่วนของทางนั้นเป็นการควบคุมตัวเองให้เหมาะสมและเข้ารับยาอย่างสม่ำเสมอ‬

 

‪อวี้เหวินโจวในวัยยี่สิบสองเองก็เขาเข้าโครงการนี้ในฐานะ ‘คุณพ่อ’ ที่จะเลี้ยงดูเค้กรุ่นเด็ก‬

 

‪หลานเหอหรือชื่อจริง ‘สวี่ปั๋วหย่วน’ ที่ได้จับคู่กับเขาเป็นเด็กว่าง่ายและหัวไว เด็กน้อยวัยแปดขวบมีความน่ารักและร่าเริงสดใสอย่างที่ควรจะเป็น‬

 

‪ไม่ยากเลยที่จะเอ็นดูและรักเด็กคนนี้เหมือนลูกคนหนึ่งจริงๆ‬

 

หวงเส้าเทียนเป็นฟอร์ค

ซ้ำยังเป็นพวกหัวรุนแรงซะด้วย

 

เจ้าตัวล่าและจู่โจมเค้กอย่างไม่สนกฎเกณฑ์หรือใครหน้าไหน ทำตามสัญชาตญาณอย่างไม่รู้สึกผิด ไม่แยแสต่อศีลธรรมจรรยา

 

นับว่าไร้ขีดจำกัดล่างอย่างแท้จริง

 

เกินเยียวยาจนพ่ออย่างเว่ยชินที่เป็นคนธรรมดา ไม่ใช่ทั้งฟอร์คหรือเค้ก ปวดเศียรเวียนเกล้ากับลูกไม่รักดีเป็นอย่างมาก

 

เจ้าตัวไม่ได้ล่าเพื่อกิน ไม่ได้จู่โจมโดยขาดสติ แต่เป็นความจงใจที่จะเหยียบย่ำคนด้อยกว่า

 

จนใจที่จะสอนสั่งเหลือแสน

 

ได้แต่ไหว้วานเพื่อนสนิทก่อนเก่าให้ช่วยดูแล

 

พูดให้ตรงไปตรงมาตามประสาคนคุ้นเคยคือส่งลูกไปให้เพื่อนตบเกรียน…

 

ไม่รู้ตบเกรียนกันอิท่าไหน ถึงได้กลายเป็นคู่หูล่าพวกฟอร์คที่ทำผิดกฎหมายแทน

 

ว่ากันด้วยตำแหน่งหน้าที่แล้ว เยี่ยซิว ถือเป็นหัวหน้าหน่วยปราบปรามพวกฟอร์คที่ละเมิดกฎหมาย จู่โจมและทำร้ายร่างกายเค้กที่ไม่ยินยอม

 

แต่เจ้าตัวไม่ชอบงานนั่งโต๊ะ และเกลียดงานเอกสาร พอๆ กับเขาที่ชอบมีเรื่องให้เลือดพลุ่งพล่าน

 

สมัยก่อนเขาถือเป็นพวกหัวรุนแรง ล่าเค้กเพื่อความสะใจส่วนตัว

 

ปัจจุบันกลับตาลปัตรเป็นคู่หูของหัวหน้าหน่วยปราบปรามฟอร์คที่บ้าคลั่งซะเอง

 

แรงต้านทานจากภายในย่อมมีแน่นอนจากประวัติอันดำมืดของเขา แต่พลังฝีมือล้วนเป็นของจริงเช่นกัน ประกอบกับเคยยืนจุดเดียวกันมาก่อน

 

ความคิดอ่าน ความเคลื่อนไหว ลักษณะการจู่โจมของฟอร์คเหล่านั้น ล้วนมองออกง่ายดายราวพลิกฝ่ามือตัวเองเลยทีเดียว

 

เว้นเสียแต่เยี่ยซิวจะทำตัวผิดกฎหมายซะเองน่ะนะ

 

อันนี้เขาก็จนปัญญาจะจับคู่หูเหมือนกัน

 

หวงเส้าเทียนคิด

 

ยามไล่สายตาไปตามรูปถ่ายเด็กคนหนึ่งในชุดนักเรียนประถมคุ้นตาของโรงเรียนอนุบาลหลานซีเก๋อ

 

ใครจะคิดว่าท่านเทพสงครามแห่งหน่วยปราบปรามจะเป็นโชตะค่อน แถมยังเล็งเด็กน้อยอายุแปดขวบ

 

ท้าทายศีลธรรม ท้าทายกฎหมายคุ้มครองเยาวชนของคนทั่วไป

 

ร้ายแรงที่สุดคือผิดกฎหมายคุ้มครองเค้กที่เจ้าตัวเป็นผู้รักษา!

 

หลานเหอมีฐานลับ

สถานที่เฉพาะเขากับพี่ชายคนหนึ่ง

 

ปกติคุณพ่อมักจะมารับเขาเองที่หน้าโรงเรียนเสมอ หากมีเวลาว่างมากพอจากการปั่นต้นฉบับ

 

อาชีพนักเขียนนิยายรายละเอียดเป็นอย่างไร เขาไม่รู้หรอก รู้แค่ยามเข้าไปที่ห้องทำงานของคุณพ่อจะได้กลิ่นของหนังสือจำนวนมากในห้องและบรรยากาศอันเงียบสงบ

 

ดวงตาที่จับจ้องกับสมุดจดบันทึกในมืออีกข้าง สลับกับมองหน้าจอคอมพิวเตอร์และพรมนิ้วลงบนแป้นพิมพ์

 

แต่เมื่อเห็นเขา… คุณพ่อจะวางมือจากงานที่ทำอยู่และอุ้มเขานั่งบนตัก

 

ปั๋วหย่วนชอบมือเย็นๆ ของคุณพ่อที่ลูบหัว และน้ำเสียงอ่อนโยนยามอ่านนิทานให้เขาฟัง

 

แต่วันนั้น… คุณพ่อมาช้า

 

เจ้าเร่าอ้านฉุยหยาง… เพื่อนในชมรมสบโอกาสเข้ามาหาเรื่องพอดี

 

เด็กวัยแปดขวบสองคนตีกันจะมีอะไรมากไปกว่าชกกันสองสามหมัดแล้วชี้หน้าด่าทอกัน

 

ตะลุมบอนสักพักก็แยกย้ายกันไป พร้อมชี้หน้าฝากแค้น

 

วิ่งไล่กันไม่รู้เหนือรู้ใต้

 

สวี่ปั๋วหย่วนเบ้ปากที่เลือดแตกซิบ ยืนเคว้งอยู่ในสนามเด็กเล่นที่ไม่รู้จัก

 

 

 

 

เยี่ยซิวได้กลิ่นหอมหวาน… อ่อนจางที่ลอยปะปนมากับสายลม

 

จมูกของฟอร์คเช่นพวกเขามีประสาทรับกลิ่นที่ดีมาก  ทดแทนการรับรสที่พิกลพิการไม่อาจลิ้มรสชาติของอาหารอื่นใดนอกจากเค้กได้

 

เยี่ยซิวสูดลมหายใจเข้าอย่างช้าๆ ซึมซับกลิ่นหอมหวานเบาบาง

 

นุ่มนวล… แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าเป็นเค้กอะไร

 

ชายหนุ่มครุ่นคิด พลางอัดควันบุหรี่เข้าปอดมากกว่าเดิม ด้วยอาชีพการงานส่งผลให้เขาเจอเค้กมามากมาย แต่ไม่เคยมีความสนใจต่อเค้กคนไหนมาก่อน จึงไม่มีรายละเอียดใดๆ ของเค้กในหัวเลย เป็นฟอร์คที่ชินชากับการรับรู้กลิ่นอายของเค้กจนสามารถทำงานร่วมกับเค้กได้ด้วยซ้ำ

 

อาจจะฟังดูประหลาด

 

แต่เยี่ยซิวไม่เคยสนใจเค้กมาก่อน

 

ทั้งที่อาหารธรรมดาทั่วไปจืดชืดไม่ต่างจากน้ำเปล่า กลืนกินสิ่งใดก็ไม่ต่างกับการเคี้ยวเทียนไข แต่เค้กก็ไม่ได้อร่อยล้ำและดึงดูดเขาเท่าใดนัก

 

ว่ากันว่าเค้กเท่านั้นที่จะให้ความสุขแก่ฟอร์คได้ เค้กเท่านั้นที่ประสาทรับรสของฟอร์คจะสามารถดื่มด่ำไปกับรสชาติอันหอมหวานได้

 

เยี่ยซิวไม่เคยมีความรู้สึกนั้นเลย อาจจะมีบางที่กลิ่นหอมหวลถูกใจ แต่รสสัมผัสก็ไม่ถูกลิ้นอยู่ดี

 

ไม่อร่อย…

 

บางทีเขาอาจจะพิการทางการรับรสก็ได้ ไม่ใช่ฟอร์คอะไรหรอก

 

จนกระทั้ง… เขาได้กลิ่นนี้

 

กลิ่นหอมหวานแสนละมุนละไม ดึงดูดใจเสียจนล่องลอยเคลิบเคลิ้ม

 

ในหัวจินตนาการถึงรสชาติที่จะส่งผ่านปลายลิ้นยามแตะต้อง จะหอมหวานเช่นไร นุ่มละมุนแค่ไหนกัน

 

ความหิวกระหายที่ไม่เคยมีเอ่อล้นขึ้นมา สัญชาตญาณของฟอร์คที่หลับใหลในส่วนลึกคล้ายกับลืมตาตื่นในตอนนั้น

 

รู้สึกดีจนอยากกลืนกินร่างทั้งร่างของเด็กคนนั้น

 

ใช่… เด็กคนนั้น

 

เยี่ยซิวไล่ตามกลิ่นหอมหวานที่ลอยตามลมมา

 

ส่วนลึกเขาเรียกร้อง ปรารถนาที่จะเติมเต็มความต้องการที่พลุ่งพล่านออกมา

 

แรงขับของสัญชาตญาณพาสองขาเขาให้เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย

 

กลิ่นหอมฟุ้งลอยขึ้นมา อบอวลในลำคอและประสาทรับรู้จนพร่ามัว ดวงตาจับจ้องใบหน้าอ่อนเยาว์ดวงนั้น ร่างกายเล็กบอบบาง ผิวเนื้อเนียนละเอียดเต็มไปด้วยเลือดฝาด

 

และริมฝีปากที่แตก… จนเลือดซิบ

 

เจ้านี่เองที่ส่งกลิ่นหอมหวานออกมา

 

ดีเหลือเกินที่เขาเป็นคนพบเจอ

และอันตรายเหลือเกินสำหรับเด็กคนนี้

 

เยี่ยซิวต้องการ… ปรารถนาจะเติมเต็มความหิวกระหายของตัวเองด้วยเด็กคนนี้

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เขานึกอยากกินเค้ก และเป็นครั้งแรกที่สำนึกผิดชอบชั่วดีในใจเริ่มทำงาน

 

เยี่ยซิวยับยั้งตัวเองไม่ได้พุ่งเข้าหาและกัดกินเด็กน้อยอย่างตะกรุมตะกราม

 

เสแสร้งเป็นพี่ชายแสนดีที่จะพาไปส่งบ้าน

 

ยัง… ยังก่อน

 

มากกว่านี้…. เขาอยากกินเด็กคนนี้ที่โตขึ้นมากกว่านี้

 

น้ำตานั่นจะมีรสชาติแบบไหนนะ… เหงื่อจะให้รสอะไร…

 

ผิวแก้ม ปลายนิ้ว

และริมฝีปากเล็กๆ นั้นจะให้ความรู้สึกอย่างไร

 

จะเหมือนฟองเค้กที่นุ่มฟูหรือจะนิ่มนวลเหมือนครีมสดกัน?

 

end?

talk zone : ชื่อเรื่องสิ้นคิดได้อีก มาแบบงงๆ นี่มันมีแต่เยี่ยหลานนี่ หวงอวี้ตรงไหนนนนน ไว้พาร์ทหน้าล่ะกันน่ะหมาน้อย 5555555555+

ฮือออ พล็อตที่อยากแต่งกับคู่ที่อยากแต่งด้อมนี้เยอะเกินไปแล้วววว //วิ่งไปร้องไห้ริมหน้าผา

อนึ่ง
เสี่ยวหลานเป็น Milk Chiffon Cake เค้กนมหน้านิ่มที่ตัวเนื้อเป็นเค้กวานิลลาค่ะ
ส่วนพี่อวี้เป็นเค้กไอศกรีมช็อกโกแล็ตนะคะ

 

[QZGS Fic] Rain [เยี่ยหลาน]

[QZGS Fic] Rain [เยี่ยหลาน]

Fandom : Quan Zhi Gao Shou เทพยุทธ์เซียน Glory

Pairing : เยี่ยหลาน (เยี่ยซิว*หลานเหอ)

Note :
– มาจากการติดฝนบนบีทีเอสเมือเช้าค่ะ 555555+
– สปอยชื่อจริงหลานเหอนะคะ

Theme Song : Rain

 

 

 

[Rain]

 

 

 

รอยต่อของฤดูใบไม้ร่วงย่างเข้าฤดูหนาว มักมีสายฝนปรายโปรยทั่วแผ่นฟ้าเสมอ

ยามเช้าตรู่ของวัน ยามเย็นย่ำของวัน

ราวกับกลั่นแกล้งเหล่ามดงานที่ต้องออกเดินทางไปกลับบ้านและที่ทำงานเสมอ

หากมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งกลับเดินลงจากชานชาลา ก่อนหน้านี้เขาเฝ้ามองรถไฟคันแล้วคันเล่าที่จะต่อไปยังโรงเรียน

แต่ก็ไม่ได้ขึ้นไป

ท่ามกลางละอองฝนของเดือนตุลาคม
เด็กหนุ่มเนื้อตัวเปียกชื้นด้วยหยาดฝนพรำ เดินไปตามแอ่งน้ำอย่างไร้จุดหมาย

จิตใจล่องลอยเสียจนอีกทีก็อยู่ในสวนสาธารณะเสียแล้ว

เสียงฮัมเพลงประหลาดและกลิ่นบุหรี่ พาให้คิ้วขมวดหม่น เบื้องหน้าเป็นศาลาริมน้ำกลางเก่ากลางใหม่หลังหนึ่ง

สวี่ปั๋วหยวนตัดสินใจอ้อมผ่านหมู่แมกไม้ที่ปลูกอยู่ ด้วยสายฝนเริ่มหนาเม็ดขึ้นทุกที

และที่ตรงนั้น…

เขาก็ได้พบกับคนที่จะเปลี่ยนชีวิตตัวเองไปตลอดกาล

 

 

 

 

 

ควันบุหรี่ลอยเอื่อย
สวี่ปั๋วหยวนมองคนตรงหน้าอย่างนึกตำหนิเล็กน้อย

ชายหนุ่มหน้าโทรม มีตอหนวดหร่อมแหร่ม หน้าตาดูไม่สนโลก เฉื่อยชา ล่องลอยยิ่งกว่าควันบุหรี่รอบตัว

แต่มือนั้น… ปลายนิ้วที่หนีบบุหรี่ไว้สวยมาก
ข้อต่อนิ้วเรียวบางได้รูปสวย ไล่มาถึงฝ่ามือเพรียวสมส่วนสอดรับกับข้อมืออย่างเหมาะเจาะ

สวยมาก สวยราวกับมือของผู้หญิง

ไม่สิ … สวยกว่ามือของผู้หญิงที่เขาเคยพบเจอมาทั้งชีวิตเสียอีก

น่าเสียดาย… ที่ต้องมาอยู่บนร่างกายของชายหนุ่มดูไม่มีอนาคตเช่นนี้

ระหว่างที่ลังเลว่าจะร่วมชายคากับคนตรงหน้าดีมั้ย ฝนที่คราวแรกตกปรอยๆ กลับเทลงมาราวฟ้ารั่วโดยที่ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า

เด็กหนุ่มเปียกโชก เนื้อตัวไม่มีส่วนใดแห้งเลยสักแห่งเดียว เส้นผมสีเข้มจัดแนบกับแก้มใส อุณหภูมิที่ร่างกายลดต่ำลงฮวบฮาบ

กระนั้นก็ยังไม่ลืมค้อมศีรษะลงอย่างมีมารยาทในยามก้าวเข้าสู่ศาลาริมน้ำแห่งนี้

ภายนอกดูไม่น่าต้านทานพายุฝนได้ แต่กลับแข็งแรงกว่าที่คิด

สวี่ปั๋วหยวนที่นั่งบิดน้ำจากชายเสื้อและขากางเกงให้ได้มากที่สุดครุ่นคิด ยามเงยหน้ามองเพดานและคานเสารอบตัว แต่ถึงจะปกป้องกันฝนได้เป็นอย่างดี แต่ลมเย็นที่กรูเข้ามาพร้อมละอองฝนก็ทำให้หนาวยะเยือกจนเขาได้แต่นั่งตัวสั่น

ดวงตาเหลือบมองผู้ร่วมชายคา

สถานการณ์ด้านนอกนั้น สายฝนยังคงพร่างพรมราวกับไม่รู้เหน็ดเหนื่อย เรื่อยร่ำคล้ายกับจะไม่มีวันหยุดพัก เข็มนาฬิกาข้อมือดูเชื่องช้าเหลือใจกับเวลาที่ผ่านไป

เด็กหนุ่มไร้จุดหมายในคราวแรก ตอนนี้กลับมีใครอีกคนเป็นจุดสนใจแทน

แน่ล่ะ… ตอนนี้เขาถือว่าโดดเรียนโดยสมบูรณ์แบบแล้ว

แต่คนตรงหน้าเขาล่ะ?

ทั้งที่น่าจะอยู่ในวัยทำงานแท้ๆ แต่กลับมานั่งกินลมชมวิวอยู่ในสวนสาธารณะ จะว่าเป็นฟรีแลนซ์หรือพนักงานกะดึกก็พอได้หรอกนะ ถ้าเจ้าตัวแต่งกายในชุดเครื่องแบบสักนิดหรือมีอุปกรณ์อย่างพวกสมุดโน็ต แท็บเล็ต ไม่ก็โน็ตบุ๊คสักเครื่อง

ชายหนุ่มที่ดูแล้วน่าจะอายุมากกว่าเขาแน่นอนคนนั้น สวมใส่เสื้อยืดบางๆ คอย้วยสวมทับด้วยเสื้อโค้ทสีน้ำตาลแก่เก่าโทรม กางเกงวอร์มขายาวถึงหน้าแข้ง รองเท้าเป็นผ้าใบสีเหลืองซีดเซียวหนึ่งคู่

ของที่ดูสำคัญอย่างเดียวคงเป็นร่มสีแดงคันใหญ่อันนั้น

นอกจากนั้นแล้ว สภาพใบหน้าที่มีหนวดเคราหร่อมแหร่ม ดวงตาเอื่อยเฉื่อยไม่สนโลก กับสารพัดกระป๋องเครื่องดื่มและซองพลาสติกฉีกทิ้งกองระเกะระกะ

…เหมือนเป็นคนจรไร้บ้านไม่มีผิด

สวี่ปั๋วหยวนคิด และเหมือนคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามจะรู้สึกถึงสายตาดูแคลนของเขาซะด้วย

นัยน์ตาที่เคยเฉื่อยชาเหมือนแมวซึมนั้น กลับทอประกายวิบวับ ใบหน้าหรือก็ปรากฏรอยยิ้มประหลาดบนเรียวปาก

“คุณ… ไม่หนาวเหรอ?”

ประโยคถามไถ่อย่างห่วงใย ผิดคาดดังขึ้น มือเรียวยาวสวยจัดคู่นั้นหยิบยื่นกระป๋องเครื่องดื่มที่วางข้างตัวมาให้

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ไม่ได้ยื่นมือตอบรับ แต่ไหนแต่ไรก็ถูกสั่งสอนมาว่าอย่ารับของจากคนแปลกหน้า ยิ่งคนไม่น่าไว้วางใจเช่นนี้ยิ่งแล้วใหญ่

ชายหนุ่มที่ดูเหมือนคนจรหัวเราะ และยิ้มเล็กน้อย แล้วเปิดกระป๋องเครื่องดื่ม จรดริมฝีปากตัวเอง ดื่มให้ดู ก่อนส่งให้เขาอีกครั้ง

เห็นแบบนั้นแล้วจะไม่ให้รับอีกก็น่าเกลียดเกินไป

คนอายุน้อยกว่ารับมา เป็นชาอู่หลงกระป๋องที่ยังคงอุ่นนิดๆ เมื่อไหลลงคอไปให้เรียกความอบอุ่นให้ร่างกายได้ดีทีเดียว

สวี่ปั๋วหยวนรู้สึกสดชื่นขึ้นในทันที

“ช็อกโกแล็ต?”

สองมือยังประคองชากระป๋องที่ยังหลงเหลืออุุณหภูมิบางส่วนอยู่ ปากพึมพำห่อฟอยด์สีเงินที่บรรจุขนมหวานสีน้ำตาลเข้มซึ่งถูกกัดแทะพิสูจน์ไปแล้วหนึ่งคำ

“ให้คุณนั่นแหละ เกออายุมากแล้ว กินเยอะไปกว่านี้เป็นเบาหวานกันพอดี”

ชากับช็อกโกแล็ต ของสองสิ่งที่ไม่น่าเข้าคู่กันได้

เมื่อผสมผสานกันกลับได้รสชาติที่ลงตัวเหลือเชื่อ ไม่ก็อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้รับประทานอาหารเช้ามาก่อนก็เป็นได้

คนจรกับนักเรียนนั่งกันคนละมุมศาลา ใต้ชายคาที่กำบังหยาดฝนจากฟากฟ้า

คนหนึ่งมองสายฝนที่พร่างพรมราวกับจะไม่มีวันหยุด
คนหนึ่งกัดกินขนมหวานราวกระต่ายตัวน้อย

 

เวลาไหลผ่าน ล่วงไป

แสงแดดจัดจ้าฝ่าผ่านกลุ่มเมฆขมุกขมัว ฝนหยุดลงแล้ว ขนมหวานในมือก็เช่นกัน เหลือหลักฐานตัวตนของมันเป็นฟอยด์สีเงินว่างเปล่าที่เคยห่อหุ้มมันไว้

เสื้อผ้าเขาแห้งหมาดพอสมควรแล้ว

เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน ขยับตัวโยกไปมาเล็กน้อยไล่ความเมื่อยขบ หลังจากนั่งท่าเดิมอยู่นานหลายชั่วโมง ตั้งใจว่าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องเพื่อนสักคนและเลยไปทำงานพิเศษต่อเลย

“ขอบคุณครับ”

สวี่ปั๋วหยวนยืนตัวตรง โค้มศีรษะลงอย่างมีมารยาทจริงจัง ไม่ลืมที่จะขอบคุณสำหรับชาและขนมที่ถูกหยิบยื่นให้อย่างมีน้ำใจ

“อืม… แล้วพรุ่งนี้เจอกัน”

ชายหนุ่มกล่าวเช่นนั้น และคลี่ยิ้มที่อ่านไม่ออกให้เขา

เด็กหนุ่มรู้สึกสงสัย กระทั้งเดินออกจากศาลาริมน้ำหลังนั้นก็ยังเหลียวมองไปที่คนคนนั้นอีกหลายครั้ง

 

….ทำไมนะ?

 

end.

talk zone : เยี่ยหลานเรื่องแรก วันช็อตสั้นๆ นะคะ แปะ end ไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะมีต่อมั้ย ถ้ามีจะต่อเมื่อไหร่?

ไหกองล้นถึงเพดานแล้วววววว

พล็อตมาจากอนิเมชั่นเรื่อง Garden of Words ส่วนธีมในเรื่องก็ตามเพลงบน Note ต้นเอนทรี่นั่นแหละค่ะ อยู่กับฝนทั้งเรื่อง 55555+