[QZGS Fic] Out of the Blue. [หวงอวี้]

[QZGS Fic] Out of the Blue.

Fandom : Quan Zhi Gao Shou เทพยุทธ์เซียนGlory

Pairing : หวงเส้าเทียนxอวี้เหวินโจว

Genre : AU, ABO-Omegaverse

Rate : R18

Note : ตอนก่อนหน้าของ -1- [Come rain or shine.]  -2- [Come in out of the Rain.]

มีตอนพิเศษเหตุการณ์หลังจบแล้ว 2 ตอนค่ะ [little lion] [Papa! Papa!!]

Timeline : ช่วงปลายลีคสาม พี่อวี้กับเส้าเทียน 18 ทั้งสองคนกำลังเตรียมตัวเดบิ้วต์ในลีคสี่ค่ะ

 

 

 

 

 

:: Out of the Blue. ::

 

 

 

 

 

อดีตเพศรองมีส่วนการกำหนดบทบาททางสังคมเป็นอย่างมาก ถือเป็นระเบียบแบบแผนและข้อกำหนดทางชนชั้น เพื่อคงสถานะภาพทางสัมคมให้มีความสมดุล และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือกฎในการเลือกคู่ระหว่างอัลฟ่าและโอเมก้าเพื่อสืบทอดสายเลือดที่ดีกว่าและดียิ่งขึ้นไป

ปัจจุบันเรื่องเล่านี้แทบจะจางหายไปในสังคม จนแทบไม่มีใครคอยมาวิเคราะห์แยกแยะว่าคนไหนเป็นอัลฟ่า โอเมก้าหรือเบต้า เนื่องด้วยประชากรที่ผสมผสานกลมกลืนสายเลือดไปแทบไม่หลงเหลือ แต่ถึงกระนั้นในชนชั้นผู้นำหรือแถวหน้าก็ยังคงเป็นที่ของอัลฟ่าอยู่ดี เช่นเดียวกับที่ยืนที่เคียงข้างนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นของโอเมก้า

หากในมุมมองของเขา สังคมพวกเรานี้ก็ไม่ได้ต่างจากสัตว์ป่าเลยแม้แต่น้อย

อัลฟ่า เป็นผู้นำ ผู้ล่าตามสัญชาตญาณ

โอเมก้า เป็นผู้ได้รับการปกป้องดูแลและสืบทอดสายเลือด ถึงกระนั้นก็มีไม่น้อยที่โอเมก้ากลับแสดงพลังอำนาจออกมาจนข่มอัลฟ่าได้เพื่อปกป้องบุตรของตนเอง ในยามที่ถูกอัลฟ่าอื่นคุกคาม

เบต้ามีหน้าที่เป็นผู้ดูแล

หากตัวเขาเองที่เป็นเบต้ากลับคิดว่า ในเมื่อสัญชาตญาณของอัลฟ่าคือผู้ล่า โอเมก้าคือผู้ปกป้อง

เบต้านั่นก็คือการเอาชีวิตรอดนั่นเอง

แน่นอนว่าในปัจจุบัน ทั้งอาชีพหน้าที่การงานและบริบททางสังคม สามารถพบเห็นได้ทั้งอัลฟ่า โอเมก้าและเบต้า แต่อย่างไรเสียเบต้าที่มีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดตามที่เขาคิดนั่น ก็เลือกที่จะอยู่ในที่ที่ปลอดภัย เสียมากกว่าจะอยู่ในจุดสนใจอย่างการแข่งขันแย่งชิงอำนาจทางสังคม

อวี้เหวินโจวครุ่นคิดมาโดยตลอด ว่าจุดเปลี่ยนของเขาคงเป็นการเริ่มให้ความสนใจเกมกลอรี่ เสียจนก้าวเข้ามาในวัฎจักรแห่งการแข่งขันที่รายล้อมไปด้วยเหล่าอัลฟ่าและโอเมก้าที่มีพลังอำนาจมากกว่า
และสิ่งที่ยืนยันสมมุติฐานของเขาคือการที่สี่เจ้ากลยุทธทุกคนล้วนเป็นเบต้า แต่ก็ยังมีคนไม่น้อยเลยทีเดียวที่เอ่ยคำปรามาสว่า หากเป็นโลกความเป็นจริง หาได้ใช่โลกเสมือนที่สู้กันด้วยคีย์บอร์ดแล้ว เบต้าเช่นเขา คงไม่มีสิทธิ์มายืนในระดับนี้ได้

เขาไม่ได้เอ่ยอะไร
ด้วยรู้ดีว่าค่าตอบแทนของการสบประมาทครั้งนี้นั่น คนพูดคงลืมไม่ลงชั่วชีวิตเป็นแน่

และอันที่จริง… ต่อให้เขาปรารถนาจะตอบโต้ด้วยตัวเอง ก็ไม่เร็วได้ถึงครึ่งหนึ่งของอริยดาบแห่งหลานอวี่ เพื่อนร่วมทีมที่สาดถ้อยคำขยะตอบโต้อีกฝ่ายเสียจนหน้าจอจมหายไปเลยทีเดียว

หวงเส้าเทียนเป็นคนจิตใจดี

อวี้เหวินโจวยิ้มบาง นั่นเป็นสิ่งที่เขารับรู้มาตลอด ภายใต้วาจานั่นไม่น่าฟัง ปากคอเราะร้าย ไม่มีหูรูด เจ้าตัวเป็นคนจริงใจและรักเพื่อนฝูงมากทีเดียว

“เส้าเทียน”

ชายหนุ่มเอ่ย ฟังคล้ายกับการห้ามปรามและการเรียกหาไปพร้อมๆ กันและในส่วนที่ดีที่สุดนั่น หวงเส้าเทียนยังรักษาน้ำใจของเขาในบางเรื่องอย่างน่าประหลาดใจ

ในทางสังคม เรื่องกฎเกณฑ์และธรรมเนียมปฏิบัติของการจับคู่อัลฟ่าและโอเมก้าจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมแล้ว แต่ในหมู่ชนชั้นสูงที่หวังให้มีทายาทเพียบพร้อมไปด้วยความสามารถและสมรรถภาพทางร่างกาย รวมไปถึงสัญชาตญาณที่ดี ก็มีข้อกำหนดหลายอย่างที่พึงกระทำ

หวงเส้าเทียนปฏิเสธการจับคู่กับโอเมก้าที่มีคนเลือกให้

ตอนที่ได้รับรู้เรื่องนี้ เขายอมรับว่าตนเองประหลาดใจ มากเสียกว่าจะตื่นตกใจเช่นคนอื่นเสียอีก

ไม่มีพันธะตีตราจอง ไม่มีการกัด
ระหว่างกันเป็นเพียงการปลดปล่อยความใคร่ทางกายเท่านั้นเอง

จริงอยู่ที่ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนมากกว่ากัปตันและไพ่ราชา แต่ตัวเขาเองที่พึงระลึกเสมอว่า ‘ตนเองเป็นเพียงเบต้า’ ที่ก้าวมาถึงจุดนี้ได้นั่นไม่ได้ใช้สัญชาตญาณหรือความสามารถที่ติดตัวมา แต่เป็นมันสมองของตนเองทั้งหมด

ในเรื่องคู่ครองนั่น อวี้เหวินโจวเองยังหวังด้วยซ้ำ ว่าอยากให้เส้าเทียนได้เจอกับโอเมก้าที่เป็นคู่ลิขิตของตัวเอง มากกว่าจะผูกพันธะกับเขา

อวี้เหวินโจวเป็นเบต้า และเป็นผู้ชาย การมีสัมพันธ์ทางกายไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรขนาดนั้น

เขาไม่ได้ต้องการให้เส้าเทียนรับผิดชอบตัวเองเพราะความจำเป็น เพียงเพราะทำเรื่องแบบนั้นกับเขาไป

… ตอนนั้นเป็นเพียงเหตุสุดวิสัยก็เท่านั้นเอง …

 

หวงเส้าเทียนเริ่มรู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ ลำคอแห้งผากราวกับกลืนกินเม็ดทรายเข้าไป ลมหายใจหอบกระชั้นถี่ ปาก คอ มือ สั่นไปหมด ดีการคัดเลือกตัวจริงจบไปแล้ว จึงไม่มีปัญหาอะไร แต่อาการที่เหมือนหน้ามืดตาลายนี่มันอะไรกัน?

เขาป่วย… งั้นเหรอ? ไม่สิ ความรู้สึกไม่เหมือนกันเลยสักนิด มีแต่ความต้องการ ความกระหาย

เขาโหยหิว เขาว่างเปล่า ต้องการกัดกินหรือเติมเต็มด้วยบางสิ่งบางอย่าง ปลายนิ้วแลบเลียริมฝีปากตัวเอง แตกระะแหง แห้งจนเป็นขุ่ยแสบลอก

พลั่ก!
ที่ทับกระดาษอันหนึ่งตกลงใส่พื้นพรม เสียงมันไม่ดัง แต่ก็ไม่เบา ทุ้มต่ำ ส่งเสียงสะท้อนมาเหมือนคลื่นความถี่ ประสาทสัมผัสรับรู้ไหวกว่าปกติ ละเอียดอ่อนและชัดเจนจนมากเกินไป เขาเริ่มกัดนิ้วตัวเอง สัมผัสยามที่ได้รสเลือด ได้แตะต้องผิวเนื้อของร่างกายลดความกระหายลงได้เล็กน้อย

ไม่พอ! ไม่พอ! ไม่พอ!! ในสมองร่ำร้อง

ไม่ใช่! ยังไม่ใช่!! มากกว่านี้!! ฉันต้องการมากกว่านี้!!
ไม่ใช่เลือดเนื้อ!! ไม่ใช่แค่ผิวหนัง!!

แต่เป็น…

“เส้าเทียน…”

ร่างกายของมนุษย์ ผิวกาย อุณหภูมิที่แตกต่างกับตนเอง

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น สบกับดวงตาใสกระจ่าง… สีอ่อนจางราวกับสายน้ำดึงสติเขาให้กลับมาได้เล็กน้อย…

“อวี้… เหวิน…โจว” เจ้าของชื่อถอนหายใจ ดีว่าอีกฝ่ายยังพอสติที่จำเขาได้ คงเพราะตนเป็นเพียงเบต้า ไม่ใช่โอเมก้า หาไม่แล้วอัลฟ่าที่เพิ่ง-รัท-ครั้งแรก และดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้นตรงหน้า คงถูกสัญชาตญาณครอบงำ จนพุ่งมากัดเขาไปแล้ว

อวี้เหวินโจวย่อตัวลงคุกเข่า ประคองร่างที่สั่นสะท้านไปนั่งบนเก้าอี้ใกล้ที่สุด และหยิบยาที่เตรียมไว้ออกมา ถึงแม้เขาจะไม่รับรู้ถึงฟีโรโมนจึงแยกแยะไม่ได้ว่าคนไหนเป็นอัลฟ่าหรือโอเมก้า แต่ลักษณะจำเพาะบางประการทำให้คาดเดาได้อย่างมั่นใจ 9 ใน 10 ส่วนจากการวิเคราะห์ของเขา

หวงเส้าเทียนเป็นอัลฟ่า แถมเป็นอัลฟ่าที่เพศรองไม่ได้ปรากฏมาตั้งแต่ถือกำเนิด แต่มาเริ่มเอาเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแทน

สิ่งที่ทำให้เขาแน่ใจคือสมรรถภาพทางร่างกาย ความเร็วมือ และสัญชาตญาณ การตัดสินใจ ล้วนแล้วแต่มีความเด็ดขาดรวดเร็ว อันเป็นคุณลักษณัของผู้นำที่มีหน้าที่ปกป้องลูกฝูง

“เส้าเทียน…” เขายังคงได้ยินเสียงขบฟันกรอดๆ มืออีกฝ่ายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้จนเขาต้องคว้ามากุมไว้เอง

ยาที่เตรียมมาอยู่อีกมือหนึ่ง เขาจับเส้าเทียนอ้าปากและกรอกยาไม่ได้ ถ้าใช้มือแค่ข้างเดียว และเวลาให้ตัดสินใจก็มีไม่มากนัก เขาจึงเลือกที่จะหยิบเม็ดยาใส่ปาก กดไหล่อีกคนให้ติดกับเก้าอี้และป้อนแบบปากต่อปากแทน ไม่มีน้ำคอยส่งยาเข้าไป มีแต่น้ำลายกับปลายลิ้นที่พัวพันกันจนแยกไม่ออก หัวเข่าที่ใช้ยันตัวชนเข้ากับส่วนข้างล่างที่เริ่มแสดงปฏิกิริยา

เขาปลีกตัวมาช้าเกิน มัวแต่กังวลทั้งเรื่องยา เรื่องคนอื่น ตนไม่ได้สนิทกับหวงเส้าเทียนมากพอที่จะถามไถ่คนอื่นไม่ให้ผิดสังเกต กว่าจะรู้สึกตัวว่าเส้าเทียนหลบฉากมาก็ครู่ใหญ่ๆ แล้ว ถึงระยะหลังๆ จะมีการฝึกซ้อมพิเศษระหว่างเขากับว่าที่ไพ่ราชาก็เถอะ เขาก็ยังไม่คิดว่าตัวเองสนิทสนมกับหวงเส้าเทียนมากเป็นพิเศษอยู่ดี

แต่นั่นเป็นเรื่องที่อวี้เหวินโจวคิดเอาเองเท่านั้น ในสายตาของคนอื่น ว่าที่ไพ่ราชาแห่งหลานอวี่แทบจะเอาตาตัวเองแปะไว้ที่อดีตเด็กชายขอบผู้นี้ตลอดเวลา

 

หวงเส้าเทียนรู้สึกราวกับว่าสติเหมือนขาดหายไป

ชั่วขณะหนึ่งเขาจำได้แค่ความรู้สึกทรมาน เหมือนร่างกายจะมอดไหม้ ราวกับมีไฟสุมอยู่ภายในที่ลุกลามไปทั่ว

…จนกระทั่ง ……

“เส้าเทียน…”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มและอ่อนโยนแบบที่ได้ยินเสมอ กระแสเสียงคุ้นเคยนี้ เป็นเสียงของเด็กหนุ่มอายุไม่ห่างจากเขามาก

เขาใจเย็นลง รู้สึกสงบขึ้น แต่ร่างกายยังคงตามไม่ทันสมอง ฟันกรามขบกรอดกระทบกันอย่างน่ากลัว และมือยังสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

เขาอยากสัมผัส… อยากแตะต้อง… แต่เส้นเสียงมากมายที่พลุ่งพล่านอยู่ในหัว ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกำลังตีค้านสัญชาตญาณ ปลายนิ้วเย็นเฉียบกอบกุม ประสานกับฝ่ามือที่สั่นระริกของเขา อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองใบหน้าที่กำลังโน้มลงมา ในแววตาสีอ่อนนั้นเต็มไปด้วยความครุ่นคิดและห่วงกังวล และไม่ทันให้ได้ตั้งตัว ใบหน้านั้นก็ก้มลงมาชิดกว่าเดิม

ลมหายใจอุ่นระรดบนผิวหน้าที่ร้อนผะผ่าวอยู่แล้วของเขา น้ำหนักของฝ่ามือที่กดลงบนลาดไหล่มากพอที่จะตรึงร่างเขาให้ติดอยู่กับพนักเก้าอี้ แรกเริ่มที่ริมฝีปากนั้นทาบทับลงมา เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ เป็นกลิ่นเบาบางที่แผ่วจางเสียจนแทบจะไม่รู้สึก

มือที่เคยสั่นจนควบคุมไม่ได้ประคองใบหน้าของคนที่เป็นฝ่ายแนบจูบลงมา

เสียง ลมหายใจ และหยดน้ำเหลวที่แลกเปลี่ยน ปะปนกันจนไม่รู้ว่าเป็นของใคร แต่สำหรับเขา มันสร้างความชุ่มชื้้นให้กลับคืน ลำคอที่เคยแห้งผากเป็นผุยผงกลับรู้สึกอิ่มเอม ยิ่งพาให้ดูดกลืนปลายลิ้นที่ถูกส่งเข้ามามากยิ่งขึ้น เม็ดยาร่วงหล่นลงไป แต่เสียเกินกว่าจะฤทธิ์ยาจะทำงาน

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าอาการแปลกๆ ที่ผ่านมาของตนเองคืออะไร…

… มันคือการ -รัท- ของอัลฟ่านี่เอง
 

“เดี๋ยว… เส้าเที–“

ชื่อของอีกฝ่ายยังกล่าวได้ไม่จบคำ จูบที่สองก็ตามมาทันที เสียงที่จะเอ่ยจึงถูกกลืนหายไปโดยสิ้นเชิง พร้อมกับปลายลิ้นร้อนแทรกผ่านเข้าไป รุกล้ำเข้าในโพรงปากอย่างหิวกระกาย คล้ายกับจะกลืนกินกันลงไป

อวี้เหวินโจวพยายามกระชับมือที่ตัวเองกุมไว้ของอีกฝ่ายคืน แต่เป็นฝ่ายโดนรั้งเข้าไปชิดกว่าเดิม ก่อนจะสะดุ้งเฮือก เมื่อริมฝีปากของคนตรงหน้ากำลังไล่เล็มตรงลาดไหล่ของตัวเอง เขาสูงกว่าหวงเส้าเทียนเพียงเล็กน้อย ยามที่ถูกรั้งขึ้นมาแนบชิดถึงเพียงนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการนั่งคร่อมอีกฝ่ายอยู่

ฟันขาวขบลงบนลำคอแผ่วเบา แต่เขี้ยวคมสองข้างในปากอีกคนก็กดลงมาให้เขาได้เลือดซิบอยู่ดี ความเจ็บปวดแสบร้อน ทำให้ผิวกายบริเวณนั้นยิ่งไวสัมผัส ยิ่งยามที่ริมฝีปากนั้นค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปตามแนวลำคอ และกดเน้นหนักบนหัวไหล่

ภายใต้ใบหน้านิ่งสงบของอวี้เหวินโจว กล้ามเนื้อหัวใจที่เคยเต้นอย่างสม่ำเสมอกลับถี่รัวจนเหมือนจะทะลุออกมา และถึงกับแทบหยุดไปชั่วพริบตา เมื่อฟันคมนั่นขบเบาๆ ตรงจุดชีพจร

มืออีกข้างที่ว่าดันไหล่ของอีกฝ่ายจนแผ่นหลังแนบไปกับเก้าอี้ ส่งผลให้ศีรษะของเส้าเทียนที่วนเวียนอยู่ตรงแอ่งชีพจรถอยออกมาได้สำเร็จ แต่สถานการณ์สำหรับเขาไม่ได้ดีขึ้นเลยสักนิด เมื่อริมฝีปากนั้นย้ายลงมาแตะลงบนแผ่นเขาผ่านเสื้อผ้า

อวี้เหวินโจวกระตุกสั่นพยายามดึงร่างตัวเองออกห่างจนเกิดเสียงเอี๊ยดอาดของเก้าอี้ที่ต้องรับน้ำหนักผู้ชายตัวไม่เล็กสองคน ไม่รู้ทำไม เขานึกถึงเสียงของเส้าเทียน… คิดถึงเสียงเจี๊ยวจ๊าวที่มักพูดถ้อยคำไร้สาระไม่หยุด

“เหวิน…โจว…”

เจ้าของชื่อก้มลงมองอีกฝ่ายที่กำลังก้มหน้านิ่ง ซุกตรงอกเขา กากรเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจนถึงเมื่อครู่หยุดชะงักลง หวงเส้าเทียนทำเพียงกอดเอวเขาไว้แน่น พึมพำอะไรที่เขาฟังไม่ได้ศัพท์

“ฉัน… ขออยู่แบบนี้สักพัก”

ยาคงออกฤทธิ์แล้ว… เขาคิด แต่เสียงขบฟันกรอดๆ ก็ยังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของคนตรงหน้าอยู่ดี ลมหายใจหอบสั่นอย่างน่าเป็นห่วง จนเขาต้องเป็นฉุดร่างอีกฝ่ายที่กอดตัวเองไว้แน่น และย้ายเจ้าของห้องไปที่เตียงให้เป็นกิจจะลักษณะ ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นได้จังหวะดี แรงมหาศาลก็โถมทับเข้ามา รู้สึกตัวอีกครั้ง ยามที่แผ่นหลังตัวเองทาบทับไปกับฟูกที่นอน และโดนกดตรึงไว้จากคนที่อยู่ด้านบน ระบบความคิดเขาขาวโพลนไปชั่วขณะ ไม่อาจทำความเข้าใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้

ยามที่กำลังสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วเรียวยาวติดจะสากเล็กน้อยนั้น ล้วงล้ำเข้าสู่ใต้เสื้อของตนเอง ฝ่ามือที่สอดแทรกเข้ามาหยอกเย้ากับยอดอกจนมันเริ่มแข็งตึง อวี้เหวินโจวส่งเสียงตะกุกตะกักคล้ายกำลังคนกำลังจะสำลักน้ำ เนื่องจากพยายามกลั้นเสียงร้องของตัวเองไว้

เขารู้สึกประหลาด… และไม่คุ้นชินกับเส้าเทียนที่ไม่พูดอะไรเลยแบบนี้ จนเกิดความรู้สึกหนึ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับคนคนนี้มาก่อนเลย

‘ความกลัว’
 

***********************************************

 

 

Talk Zone :  เขียนย้อนไปย้อนมาตามใจชอบมากค่ะ  อันนี้เป็นเหตุการณ์ก่อนที่คู่นี้จะตกลงคบกันจริงจังใน [Come rain or shine.] ค่ะ

Leave a comment