[พรีออเดอร์] ฤดูทั้งสี่ที่ไม่จืดจาง [Saniwa Kagura&ทางไปรษณีย์]

KmY9wYcY (1)

: รายละเอียด :

色褪せない四季。
[ いろあせないしき ]
IROASENAISHIKI

ฤดูทั้งสี่ที่ไม่จืดจาง by Lina(lolinchacha)

ปก – Cocolu
ขนาด – A5
จำนวน – 125 หน้า
ราคา – 160 บาท

ตัวละคร – นาคิกิทสึเนะ , โคกิทสึเนะมารุ , อิจิโกะ ฮิโตฟุริ , อุกุยสึมารุ , ฮิเงะคิริ , ฮิสะมารุ , สึรุมารุ คุนินากะ , มิคาสึกิ มุเนจิกะ

ตัวอย่างภายในเล่ม –
ทยอยลงเรื่อยๆ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้นะคะ XD

FB : https://www.facebook.com/LinaAndHitorijanai

https://docs.google.com/forms/d/1v5StZrdeUdAeUYY22GUZ3ZBJ9vD8Eo5sxcLQqTl5LX8/viewform

[Touken Ranbu-Fic] Sayoshigure [IchiNaki]

 

小夜時雨

– ฝนที่จู่ๆ ตกลงมา*  –

[いちなき – 一期一振×鳴狐]

 

เขารู้ว่าสิ่งที่กำลังก่อกำเนิดภายในใจเป็นความรู้สึกที่ไม่ถูกไม่ควร ถึงตัวตนของ ‘ดาบ’ เช่นพวกเราจะสร้างขึ้นจากเหล็กและไฟ หาใช่เลือดเนื้อ แต่จิตวิญญาณที่กลายเป็นสึคุโมะกามินั่นก็กล้าแกร่งมากพอที่จะทำให้มีสำนึกผิดชอบชั่วดี และนับผู้สร้างเป็นดั่งบิดาผู้ให้กำเนิด

ตัวเขาที่เป็นดั่งผลงานชิ้นเอก -ทะจิ-เล่มเดียวของอาวาตะกุจิ โยชิมิทสึ ถือได้ว่าเป็นพี่ชายคนโตของเหล่าทันโตะ… มีดสั้นทั้งหลาย หล่อหลอมให้ตนเป็นผู้ที่รักใคร่และทะนุถนอมเหล่าน้องชายยิ่งกว่าสิ่งใด

ยามที่ถูกเรียกกลับมายังโลกใบนี้ก็เช่นกัน เจตจำนงค์ก็ยังคงเดิม หาได้แปรเปลี่ยนไม่

… จนกระทั่ง …

เม็ดฝนหลงฤดูตกลงมา

ท่ามกลางนภาโปร่งสีฟ้าครามแต่งแต้มด้วยริ้วเมฆจางๆ แสงแดดจัดจ้าตกกระทบหยดน้ำแพรวพราวบนเรือนผมสีขาวซีดจาง ดวงตาสีทองเช่นเดียวกับดวงอาทิตย์คู่นั้นเงยหน้ารับหยาดน้ำฟ้าด้วยท่าทีเรียบง่าย คล้ายไม่รับรู้ถึงความเปียกชื้นของเสื้อผ้าที่ต้องเม็ดฝน

ผู้ใดที่เรียกแบบมนุษย์ได้ว่า -ร่วมสายเลือด- แต่เขาไม่จำเป็นต้องปกป้องแล้วล่ะก็…. คงต้องเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหน้าเขาผู้นั้น นาคิกิทสึเนะ… จิ้งจอกครวญ คาตานะของอาวาตะกุจิ คุนิโยชิ ผู้ซึ่งเป็นทั้งบิดาและอาจารย์ของโยชิมิทสึ

หากเหล่าทันโตะแห่งโทชิโร่เรียกขานเขาว่า -พี่ชาย- แล้วไซร้ ผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าในยามนี้ต้องถูกเรียกว่า -ท่านอา- ไม่ผิดเพี้ยนไปจากนี้ แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ชอบเท่าใดนัก จึงให้เด็กๆ เรียกชื่อตนเองแทน

“อิจิโกะ…” เสียงเนิบนาบของร่างที่ไม่รู้ว่ามาหยุดเบื้องหน้าเขาตั้งแต่เมื่อใด ฉุดเขาขึ้นจากภวังค์แทบจะในทันใด น้อยครั้งที่จะเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูด แต่ทุกคราวที่ออกปากอีกฝ่ายมักเรียกชื่อของผู้อื่นตรงๆ เสมอ แม้จะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยเฮย์อันเมื่อพันปีก่อนจนจัดได้ว่าเป็นผู้อาวุโสในฮงมารุแห่งนี้ หากสมัยคามาคุระที่เจ้าตัวถือกำเนิดนั้น ก็หลายร้อยปีล่วงเลยมาแล้ว มากเกินกว่าจะคาดถึง เมื่อได้เห็นดวงหน้าราวเด็กหนุ่มอ่อนเยาว์นี้

“… ฝน หยุดตกแล้ว” กล่าวเพียงเท่านี้ เจ้าตัวก็หาได้สนใจเขาอีกต่อไป ก้มลงเก็บอุปกรณ์ทำสวนทำนาที่วางพิงไว้ แล้วเดินกลับที่พำนักหลักเพื่อรายงานผลการฝึกซ้อมต่อซานิวะ… เจ้านายคนปัจจุบันของพวกเราต่อไป

เสียงเจื้อยแจ้วของจิ้งจอกน้อยซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของนาคิกิทสึเนะ รายงานแทนเจ้านายที่พูดน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยท่านนั้น เขาเองก็ได้เสริมเพิ่มเติมบ้างเล็กน้อย

ผลการฝึกซ้อมของพวกเขาออกมาได้ไม่ดีนัก แต่เพราะสภาพอากาศไม่เป็นใจมากกว่าอย่างอื่น

เขา … คิดถึงเม็ดฝน ที่ตกต้องลงบนร่างของคนผู้นั้น

เขา … คิดถึง … ยามที่มันหล่นร่วงลงตามโครงหน้าของเจ้าตัว ผ่านดวงตาระเรี่ยไปถึงลำคอ

อา… เขานึกถึงสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้ในที่สุด

ใบหน้าเบื้องหลังหน้ากากดวงนั้น เขายังไม่เคยเห็นเต็มตาเลยสักครา

 

หน้าตาที่แท้จริงนั่นลึกลับพอๆ กับประวัติความเป็นมาของเจ้าตัว

ดังนั้นแล้ว ยามที่ได้สัมผัส -ตัวจริง- ที่ถูกดูแลอยู่ในโรงเก็บดาบของท่านหญิง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปสัมผัสฝักดาบ โกร่งดาบ ใบดาบอันคมกริบ เพราะเป็นหนึ่งในดาบมาตรฐานที่ได้รับการอัญเชิญมายังฮงมารุแห่งนี้เป็นกลุ่มแรกๆ และยังอยู่ในทีมหลักมาจนถึงตอนนี้ เจ้าตัวจึงถูกจัดวางในตำแหน่งที่แลเห็นได้ง่ายและสะดวกในการช่วงใช้

นิ้วเรียวแตะลงบนส่วนปลาย ด้วยความใจลอยหรือตื่นเต้นเกินก็ไม่อาจรู้ได้ เขาพลาดพลั้งลงแรงมากไปเสียได้เลือด ของข้นเหลวสีแดงราวกับครั่ง ที่ครั้งหนึ่งเคยอาบชโลมบนกายเนื้อเหล็กอันเย็นเฉียบ

ยามที่ผู้เป็นนายช่วงใช้ฟาดฟัน บัดนี้กำลังรินรด ดาบเล่มหนึ่งที่เรียกแบบมนุษย์ได้ว่า -ผู้ร่วมสายเลือด- ท่านอาในอดีตอันแสนยาวนานของท่าน ได้ฟาดฟันชีวิตผู้ใดมาบ้าง และได้ผ่านการกรำศึกเช่นไรมา ถึงได้รับการดูแลจนคงความแหลมคมและไม่สูญเสียความสามารถในเชิงดาบตั้งแต่แรกเริ่มมา

เปลวเพลิง … ผลาญ มอดไหม้ เรียกแบบมนุษย์ ข้าคงถือได้ว่าโดนเผาทั้งเป็น อวัยวะและเนื้อหนังเดิมถูกทำลายลงหมดสิ้น แม้จะได้รับการรักษาจนคงรูปลักษณ์ภายนอกเช่นเดิม แต่ภายในล้วนไม่อาจเป็นเช่นนั้นได้ เฉกเช่นความทรงจำที่ย้อนคืนไปแล้ว หลายส่วนขาดหายไม่ปะติดปะต่อ

เศษเสี้ยวที่หายไปนั่น มีท่านบ้างหรือไม่?

ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยแม้แต่น้อย…

ตัวตนของนาคิกิทสึเนะราวกับหมอกควันในบันทึกที่ไม่อาจคว้าจับมาเขียนลงในกระดาษได้ คงมีเพียงเจ้าตัวที่รู้เกี่ยวกับตัวเองอย่างแท้จริงในที่แห่งนี้ ใบหน้าอีกครึ่งล่างที่ไม่เคยเห็นของอีกฝ่ายก่อเกิดเป็นจินตนาการ หลายรูปแบบเสียจนฟุ้งซ่าน ยากเกินกว่าจะข่มตาหลับในยามค่ำคืนและติดตรึงอยู่หลังเปลือกตาจนไม่อาจถ่ายถอนได้

หากนำไปปรึกษากับใครสักคนคงไม่พ้นที่จะบอกกล่าวให้ไปถามกับเจ้าตัวโดยตรง เพียงแต่เขาพึงระลึกขึ้นมาได้ว่า การที่นาคิกิทสึเนะปิดบังโฉมหน้าตัวเองไว้อาจมีเหตุผลบางอย่าง ซึ่งการจะไปละลาบละล้วงสิ่งที่ผู้อื่นไม่บอกเล่าก็ไม่ใช่วิสัยที่ตัวเขาเองพึงกระทำแม้แต่น้อย

ความคิดฟุ้งซ่าน กระเจิดกระเจิงจนก่อให้เกิดความรู้สึกประหลาด อารมณ์และความรู้สึกของกายเนื้อเช่นมนุษย์ที่ไม่คุ้นชิน ทำให้ควบคุมตัวเองได้ยากยิ่ง

อิจิโกะ ฮิโตฟุริรู้สึกละอายเหลือเกิน ยามที่เห็นความต้องการของตัวเองที่เกิดขึ้น เมื่อจินตนาการถึงใบหน้าของคนผู้นั้นจนไม่อาจข่มตานอนหลับลงได้สนิท ได้เเต่เพียงเดินไปมาอย่างงุ่นง่าน เลื่อนลอย รู้สึกตัวอีกทีสองขาก็พาร่างตัวเองมาหยุดที่หน้าห้องพักส่วนตัวของอีกฝ่ายเสียแล้ว

เนื่องจากไม่นานมานี้ ฮงมารุได้มีการปรับปรุงและขยายพื้นที่รองรับดาบที่กำลังเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นกำลังรบในภายภาคหน้า

ซานิวะ … ท่านผู้นั้นจึงได้กัดฟันเฉือนเนื้อเถือหนังตัวเองก้อนใหญ่ ตามที่ฮากาตะกล่าวไว้ โดยการควักเงินส่วนตัว นอกเหนือจากที่ได้รับจากรัฐบาลมาต่อเติมห้องหับและซ่อมแซมฮงมารุด้วยตัวเอง

เขายังจดจำได้ดีถึงใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องของท่านสึรุมารุ ตอนเห็นท่านหญิงผู้นั้นน้ำตาไหลพราก ตัดพ้อต่อว่ารัฐบาลนี่ช่างงกเสียนี่กระไร ไม่เห็นใจผู้หญิงตัวเล็กๆ เช่นนางที่ต้องดูแลผู้ชายเป็นเกือบครึ่งร้อยนี่เลย

ความคิดล่องลอยไป จนยามที่สติกลับมาเรียบร้อย แล้วพบ ว่าใบหน้าที่มองตรงมาเป็นคนที่ทำให้ว้าวุ่นใจจนไม่อาจข่มตาลงจ้องเขม็งมาด้วยแววตาเฉยชา

“อิจิโกะ…” โทนเสียงที่ใช้เอ่ยเรียกราบเรียบ ไม่ได้เป็นความเย็นชาห่างเหิน  แต่มาจากนิสัยส่วนตัวที่ค่อนข้างเก็บตัวของคนผู้นี้ที่ไม่ใคร่จะข้องเกี่ยวกับผู้คนและสงวนถ้อยคำยิ่งกว่าน้องชายของเขา ‘โฮเนะบามิ’ เสียอีก

สัมผัสของโพรงปากที่อุ่นร้อนและปลายลิ้นที่ช่วยปลดปล่อยจากความปรารถนาที่อัดแน่นให้อย่างชำนาญด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่แปรเปลี่ยนราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะถามออกหลังจากที่ทำความสะอาดเนื้อตัวกันทั้งสองฝ่ายแล้ว

“ทำเรื่องแบบนี้บ่อยเหรอครับ…?”

“เปล่า… แค่ของที่เหมือนกัน คิดว่าทำแบบไหนแล้วตัวเองรู้สึกดี นายก็น่าจะเสร็จไม่ต่างกัน”

คำตอบที่ราวกับไม่ใช่คำตอบ เพราะไม่ได้ให้ความกระจ่างใดใดแก่เขาเลย วนเวียนอยู่ในหัวจนสลัดไม่หลุด

ทั้งใบหน้า ทั้ง… เหมือนกับไม่ใช่คนที่เขารู้จัก นาทีที่ความปรารถนาได้รับการตอบสนองจนเต็มล้น

ภาพ … ริมฝีปากของนาคิกิทสึเนะที่เปรอะเปื้อนด้วยไปหยาดหยดสีขาวขุ่น และใบหน้าดวงนั้นที่ปราศจากการบดบังจากหน้ากาก ไร้เส้นสีแต่งแต้มเช่นที่เห็นเจนตา

หัวใจบีบรัดเต้นรัว

“เฮ้ย! อิจิโกะ!!”

เสียงตวาดลั่นของผู้นำทัพ เรียกสติเขาคืนมาได้อย่างฉิวเฉียด แต่ไม่อาจหลบพ้นจากคมดาบของวิญญาณร้ายได้ทันท่วงที

… ผิวหนังของมนุษย์ช่างบอบบางเหลือเกิน …

ชายหนุ่มคิด ขณะที่เห็นเลือดสดๆ หลั่งรินจากบาดแผลบนร่างตัวเอง แต่กระนั้นก็ยังมีสติพอที่จะใช้มือตวัดดาบ สะบั้นศีรษะของศัตรูจนขาดสะบั้น

ท่านสึรุมารุและผู้ร่วมทัพท่านอื่นถามไถ่อาการบาดเจ็บด้วยความกังวล ตนได้แต่ยิ้มรับความห่วงใยนั้นของเหล่าสหายร่วมรบและกล่าวปฏิเสธว่าบาดแผลไม่ได้หนักหนาอะไร สามารถเดินทัพต่อได้

ชายหนุ่มในอาภรณ์สีขาวพิสุทธิ์ที่บัดนี้อาบย้อมไปด้วยเลือดของศัตรูและคราบเขม่าควันไฟของสนามรบ ใช้ดวงตาสีทองดำคู่นั้นจ้องตรงมา นัยน์ตาเรียวหรี่ลงราวกับครุ่นคิดบางอย่างในใจ แต่ก่อนที่จะมีใครได้พูดอะไรต่อ เสียงแตรสัญญาณถอยทัพของซานิวะท่านนั้นก็ให้คำตอบแก่พวกเขาแล้ว

อิจิโกะ ฮิโตฟุริเหวี่ยงร่างขึ้นคร่อมม้าศึกที่นำมาด้วย มือเรียวยาวกระชับบังเหียนตามขบวณทัพกลับ ดวงตาสีเหลืองอ่อนทอดมองแสงสุดท้ายของอาทิตย์ที่กำลังอัสดงลับขอบฟ้าอย่างเงียบงัน

 

“ทำไม… ท่านถึงรู้ว่าทำแบบไหนแล้วถึงสามารถปลดปล่อยความรู้สึกที่อัดแน่นนี้ได้กันครับ…”

แรกเริ่มที่มีความรู้สึกประหลาด ความร้อนจากภายในร่างกายที่ควบแน่นจนอึดอัด ตนสับสนและตื่นตระหนกกับกายเนื้อมนุษย์ที่เพิ่งได้รับมาเป็นอย่างยิ่ง

การเดินเหิน การรบ หรือการรับประทานอาหาร ในฐานะจิตวิญญาณแห่งดาบเคยได้พบเจอผ่านตามาบ้าง แต่ความรู้สึกที่ต้องการปลดปล่อย อยากให้มีใครสักคนสัมผัสนั้น ไม่อาจทำความเข้าใจและอธิบายได้เลย

นาคิกิทสึเนะเงยหน้าขึ้นมอง เป็นดวงตาสีทองคำบริสุทธิ์ คู่สีเดียวกับที่จ้องมองมาอย่างครุ่นคิดเมื่อยามกลางวันของท่านสึรุมารุ หากให้ความรู้สึกแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เพราะแก้วตาที่สบประสานกันในยามนี้นั้น ไม่ได้มีอารมณ์นึกคิดหลากหลายเช่นกระเรียนขาวผู้นั้น มีเพียงความว่างเปล่าและเฉยชา

เจ้าตัวกล่าวว่า ซานิวะท่านนั้นคาดการณ์ถึงเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างดี จึงได้มีการสอนถึงกายภาพของร่างกายมนุษย์และอารมณ์ปรารถนาของบุรุษเพศที่มีมากกว่าสตรีเช่นนาง แต่ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดมากนัก จึงมอบหมายให้แต่ละคนไปศึกษาจากตำรับตำราและสื่อรูปแบบอื่นๆ ที่มีในฮงมารุนี้แทน ด้วยเข้าใจว่าแม้มีศักดิ์เป็นนาย… ผู้นำวจนะแห่งพระเจ้าที่ปลุกวิญญาณ อัญเชิญพวกตนมายังยุคสมัยนี้ แต่ครั้นจะให้สตรีสอนเรื่องเหล่านี้กับหมู่บุรุษคงบังเกิดความกระดากอายกันเสียจนไม่ได้เรื่องมากกว่า

“แล้ว…. ท่านนาคิกิทสึเนะ” ไปเรียนรู้มาจากใคร…. หรือสิ่งใด

“ข้าอยากทำเอง” ยังไม่ทันที่ประโยคหลังจะหลุดจากปาก เขาก็ได้รับคำตอบที่น่าตกใจมาแทน

เสียงที่อ่อนโยนและอาทรด้วยความคิดคำนึงถึงใครสักคน และแววตาที่อบอุ่นดวงนั้น กลับสร้างความสงสัยอีกประการให้แก่เขาแทน ว่าผู้ใดกันที่คนคนนี้ต้องการให้เติมเต็มความปรารถนานั้นกัน?

ชายหนุ่มพาร่างตัวเองกลับห้องพักอย่างไร ไม่มีความทรงจำในส่วนนั้นเลย มีเพียงภาพใบหน้าที่คิดคำนึงถึงใครสักคนของนาคิกิทสึเนะที่ติดตรึงอยู่หลังเปลือกตาเท่านั้น

ยามรุ่งเช้ามาเยือน คำสั่งออกรบในทัพหลักไม่มีชื่อของคนผู้นั้น มีเพียงทัพเดิมจากคราวที่แล้ว ยังความโล่งใจให้เขาหลายส่วน จะด้วยความอึดอัดหรือสนใจใคร่รู้ แต่ตัวเขาเองยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเจ้าของดวงตาสีทองที่เฉยชาดวงนั้นเลยแม้แต่น้อย

วันนี้สถานการณ์การรบก็ยังคงไม่มีอะไรผิดแผกไปจากเดิม พวกเขารุกคืบสนามรบ ขยายอาณาเขตได้ไกลขึ้น และสำรวจแผนที่การเดินทัพและกำจัดศัตรูได้อย่างราบรื่น หมดจด โดยแทบจะไม่เสียเหงื่อและกำลังมากเช่นแต่ก่อน จนท่านหญิงบ่นพึมพำว่าน่าจะลองเอาพวกเขา เหล่าทะจิและโอดาจิในทัพหลักตอนนี้ลงไปเดินเล่นในศึกกลางคืนที่พวกน้องๆ เขากำลังเตรียมตัวรอในช่วงค่ำดูบ้าง

ท่านสึรุมารุหัวเราะชอบใจ กล่าวว่าว่า ‘ถุงชาสำรองก็มีความคิดอะไรน่าสนุกเหมือนกัน น่าตกใจจริง!’ ส่งผลให้ระหว่างทางเดินทัพกลับ นอกจากเสียงแตรสัญญาณแล้วก็ยังมีเสียงของบทสนทนาโต้กลับกันอย่างดุเดือดของท่านหญิงกับท่านสึรุมารุให้คนร่วมทัพได้ครื้นเครงกัน เขาเองก็อดยิ้มตามไปไม่ได้

หากแต่รอยยิ้มที่มีนั้นจางหายไปทีละน้อยจากใบหน้า ขากลับจากการเดินทัพของพวกเราในครั้งนี้ ผ่านไร่และสวนผักในครัวเรือนของฮงมารุแห่งนี้พอดี ประจวบเหมาะกับที่ได้เวลาผลัดเวรของผู้ดูแลสวนในวันนี้

ดวงตาสีทองคำคู่นั้นทอดมองร่างสูงกว่าของผู้ที่เดินเคียงข้างมา ด้วยแววตาอ่อนแสงและอบอุ่นยิ่ง คล้ายกับเอื้อเอ็นดู แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงความต้องการอันลึกซึ้งไว้  มือของนาคิกิทสึเนะไม่ว่าง เพราะหอบตะกร้าที่เก็บเกี่ยวผลผลิตที่สุกงอมพร้อมนำไปรับประทานและประกอบอาหารของวันนี้ไว้ จึงโดนฝ่ายที่มือว่างข้างหนึ่ง หยอกเอินด้วยการขยี้กลุ่มผมสีขาวจัดตัดสั้นให้ยุ่งเหยิงอย่างหมั่นเขี้ยวแทน

ความคิดกลับมาวนเวียน หมุนวนราวกับไม่รู้จุดจบ ภาพเหตุการณ์หลายภาพสลับซ้อนกันไปมาในหัวจนแทบระเบิดออกมา

เขา… อิจิโกะ ฮิโตฟุรินั่นต้องการอะไรกันแน่?

ต้องการทำอะไรกับคนผู้นั้น รู้สึกยังไงกับคนผู้นั้น

รู้สึกดีที่ได้ยามที่มือและริมฝีปากนั้นสัมผัสอย่างอ่อนโยน ต้องการปลดเปลื้องสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจหรือปรารถนาแต่คนผู้นั้นกันแน่?

เขาคิดยังไงกับนาคิกิทสึเนะ…  ตัวเขาเองยังไม่อาจตอบได้เลย จากความสนใจ เป็นความต้องการที่จะล่วงรู้ถึงตัวตนของอีกฝ่าย จนได้มาซึ่งความสัมพันธ์ยามค่ำคืนที่เติมเต็มความต้องการของตนเอง มาถึงตอนนี้ เขาปรารถนา… ที่จะล้วงลึกเข้าไปว่าในใจของคนผู้นั้นมีใครอยู่กันแน่

เขา แท้ที่จริงแล้วต้องการให้คนผู้นั้นเติมเต็มความปรารถนาของตัวเอง และอยากครอบครองตัวตนที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้งั้นเหรอ?

ใบหน้าเฉยชาดวงนั้นลอยเด่นอยู่เบื้องหน้า เพียงเอื้อมมือถึงก็สามารถคว้ามาไว้ในอ้อมแขนได้

ครั้งนี้เขาได้ข้ามผ่านความสัมพันธ์เกินเลยกว่าการให้อีกฝ่ายช่วยเหลือปลดปล่อย

เขาแนบจูบลงบนริมฝีปากที่เปรอะเปื้อน ไล่ลงไปจุมพิตตามผิวกายของอีกฝ่าย เลาะเล็มชิมเนื้อหนังอย่างหน้ามืดตามัว และล่วงล้ำเข้าไปในร่างกายของคนผู้นั้น

ไร้เสียง ไร้ปฏิกิริยาตอบรับใด มีเพียงอารมณ์ตอบสนองตามธรรมชาติของร่างกายเท่านั้นเอง

นัยน์ตาสีทองคำมองนิ่ง

ถึงท้ายที่สุดแล้ว เมื่อถึงจุดที่ไม่อาจย้อนกลับไปได้ จึงได้รู้ว่าต่อให้ทำอะไรลงไปมากกว่านี้ สำหรับอีกฝ่ายที่มองเขาเป็นเพียงคนคนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องเป็นญาติในรูปแบบของมนุษย์เท่านั้น

แค่สอนให้เพียงเท่านั้นเอง สอนให้รู้ถึงวิธีรับมือกับความต้องการทางกายภาพของร่างกาย ไม่มีความรู้สึกอื่นใดมากกว่านี้

อิจิโกะ ฮิโตฟุริร้องไห้ สะอึกสะอื้น ชายหนุ่มกลับกลายเป็นเด็กน้อย มากจากความรู้สึกที่ถาโถมมากเกินไปในคราวเดียว เกินกว่าจะรับรู้และทำความเข้าใจได้หมด

นาคิกิทสึเนะไม่ได้กล่าวปลอบอะไร เพียงแค่ลูบศีรษะที่ซุกซบกับแผ่นของตนเองเงียบๆ

นี่คงเป็นความอ่อนโยนที่สุด ที่อีกฝ่ายจะมอบให้เขาได้แล้ว

เขาหลับสนิทเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่ผ่านมา หลับเต็มตาจนถึงรุ่งเช้า และเมื่อทอดมองไปยังฟูกด้านข้างก็ไม่มีใครนอนอยู่เคียงข้างแล้ว

ฝนตกลงมาอีกครั้ง หยดน้ำสีอ่อนใสบางเบาพร่างพรมกลายเป็นม่านหมอกจางๆ คลี่คลุมทัศนวิสัยให้เลือนราง

สายฝนหลงฤดู … ตกลงมาอำลาค่ำคืนสุดท้ายของฤดูใบไม้ร่วงและนำพาลมหนาวของเหมันต์มาเยือน

 

… おわり.