[Touken Ranbu Fic] Moon [TsuruMika]

Moon

 

 

[月]

 

 

Tsurumaru Kuninaga x Mikazuki Munechika

 

 

Warning : NSFW

 

 

 

Moon

 

[月]

 

 

 
สึรุมารุ คุนินากะ มักจะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเสมอเสียงหัวเราะไม่เคยขาดปาก พอๆ กับคำยั่วเย้าผู้คน

แต่ยามอยู่เพียงลำพัง…

ริมฝึปากนั้นกลับไม่เอื้อนเอ่ยคำใด

แผ่นแอ่นโค้ง รองรับแรงกระแทกกระทั้นเข้าใส่เบื้องล่างจนเรือนกายไหวคลอน

“สึรุ… ตรงนั้น… อ๊ะ…!”

เสียงครางผะแผ่วครวญในลำคอดังประท้วง ผู้ฟังไม่ได้นำพาเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มผุดยิ้มบางเบา ประคองสะโพกอีกฝ่ายขึ้นแล้วฝังร่างตัวเองให้ลึกขึ้น พลางกดจูบหนาหนักไปทั่วหลังคอชื้นเหงือ ลงต่ำไปตามแนวสันคอเรื่อยจรดแผ่นหลังเนียน

ลมหายใจอุ่นร้อนละเลียดไปตามผิวเนื้ออ่อน พาให้ร่างกายไหวระริก

ในความเงียบงัน ประสาทสัมผัสทั้งห้าล้วนทำงานได้ดียิ่งขึ้น

หูได้ยินเสียงครางต่ำ
ผิวกายรับรู้ได้ถึงไอร้อนผ่าวระรด
ภายในสัมผัสได้ถึงตัวตนที่บดเบียดแทรกลึกเข้าในร่าง

เสียงชื้นแฉะหยาบโลนราวกับสะท้อนก้องในห้อง ผนังไม้และพื้นเสื่อไม่อาจเก็บซ่อนสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้องนี้ได้

ทุกคนย่อมรู้ ซานิวะเองก็เช่นกัน

ร่างกายเถือกไถลไปกับฟูกนอน และคงตกลงไปแล้ว หากไม่ได้โดนยึดจับไว้ด้วยมือคู่นั้นอย่างแน่นหนา เพื่อรองรับแรงกระทำอันหนักหน่วง

“มิคาสึกิ…. มิคาสึกิ…”

กระเรียนขาวผู้นั้นกล่าวกระซิบริมใบหูที่โดนหยอกเย้าเสียจนแดงก่ำ ลากเลียแผ่วเบาเชื่องช้า ตรงข้ามกับเบื้องล่างที่สอดแทรกเข้ามา เน้นย้ำจุดอ่อนไหวในร่างกาย

เจ้าของนามสะท้านเฮือก ครางอย่างอ่อนแรงด้วยไม่อาจเก็บกลั้นได้อีกต่อไป

ดวงเนตรแสนงามราวจันทร์เสี้ยวบนนภาดวงนั้น เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ประหนึ่งท้องฟ้าร่ำไห้ งดงามและเปราะยาง เสียจนแทบจะแตกสลายได้ด้วยมือคู่นั้น

ริมฝีปากจูบซับหยาดพิรุณที่หลั่งรินจากนภายามเดือนแรมคู่นั้นอย่างอ่อนโยนยิ่ง แต่กลับไม่หยุดการเคลื่อนไหวเบื้องล่างที่สอดแทรกเข้าสู่ภายในร่าง ช่องทางด้านหลังเต็มล้นไปด้วยความต้องการที่ถูกปลดปล่อยซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เสียงหอบหายใจล่องลอย ในมวลอากาศที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายของความรักใคร่

เขาพลิกหมุนร่างนั้นให้หันกลับมา ฝ่ายผู้โดนฉุดรั้งหงายหลังลงนอนแผ่ไปบนผืนฟูกขาว เส้นผมสีเข้มจัดตัดกับสีอ่อนของพื้นผ้า สองแก้มแดงเรื่อ และที่แดงยิ่งกว่าคือเรียวปากที่กำลังเผยออ้ากอบโกยอากาศนั้น

อดไม่ได้ที่จะแนบจุมพิตลงไปบนกลีบดอกไม้บอบบางดอกนั้น แทรกลึกบดเบียด คว้านหาเพื่อกลืนกินน้ำหวานในเกสรดอกไม้

สองขาถูกจับวางพาดเกี่ยวเอวไว้ ก่อนกดแทรกเข้าสู่ร่างกายอีกฝ่าย ทิ้งแรงและน้ำหนักร่างตัวเองลง โจนจ้วงลึกขึ้น… รุนแรงยิ่งขึ้น และทุกคราวที่สอดใส่เข้าไปถึงจุดอ่อนไหวลึกสุดภายใจ เสียงครางหวานแหบโหยอย่างไร้เรี่ยวแรงก็จะดังขึ้นมาให้ได้ยินทุกครั้ง

อ้อมแขนกระชับร่างอีกฝ่ายแนบอก ปลายจมูกกดลงบนกลุ่มผมสีเข้มจัด

 

“ของ…ข้า….”

 

สติล่องลอย ร่วงหล่นลงสู๋ห้วงนิทรารมย์ไปโดยไม่อาจปะติดปะต่อประโยคแว่วกระซิบอยู่ริมหูได้ รับรู้เพียงอุณหภูมิของอ้อมกอดร้อนจัดที่กระชับแน่น

 

นัยน์ตาปรือปรอย สิ่งที่ได้เห็นก่อนจะหลับใหลคือจันทร์เพ็ญแสนอ่อนโยนดวงนั้นบนใบหน้าของกระเรียนหนุ่ม

 

สิ่งใดเป็นของเจ้ากัน?

…สึรุมารุ คุนินากะเอ๋ย

 

 

 

….ของ…. ของข้า….

 

เจ้าไงเล่า….

…. มิคาสึกิของข้า….

 

 

ends.

talk zone : ไม่มีอะไรเลย แค่อยากเขียนความสัตว์ป่าของพี่สึรุเฉยๆ ค่ะ ฟฟฟฟฟฟฟ

จริงๆ ตอนแรกกะเขียนวันๆ ในฮงมารุของสองแก่ติ๊งต๊องแท้ๆ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

 

[Touken Ranbu Fic] Tadaima [TsuruMika]

ただいま

Tadaima.

つるみか / 鶴丸 x 三日月

Tsurumaru Kuninaga x Mikazuki Munechika

 

Spoil : Touken Ranbu the Stage -Giden Akatsuki no Dokuganryu !!!

 

 

 

ただいま

 

 

 

“อือ… อา…. ”

ร้อน… ร้อนราวกับผิวกายและเนื้อตัวมีเปลวเพลิงลามเลียแผดเผาไปทั่วทั้งร่าง

ดวงตาสีทองอ่อนปรือปรอยเช่นคนหลงเหลือสติอยู่เพียงน้อยนิด คล้ายกับตัวตนยังกลับมาไม่สมบูรณ์เต็มที่ ริมฝีปากเผยออ้าหอบหายใจคล้ายพยายามกอบโกยอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดให้มากที่สุด แต่เรียวปากเย็นจัดทีไล่เล็มไปตามร่างกายพัวพันไม่ห่างก็ดึงความสนใจไปเสียสิ้น

เพียงอ้าปากจะห้ามปรามก็ถูกจุมพิตจากร่างที่เบียดกายเข้าหาทาบทับปิดกั้น

… อา….

“มิคาสึกิ…”

นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มมองสบ… ดวงตาสีทองเข้มที่ค่อยๆ คลี่คลายเป็นสีทองสว่างเช่นเดิม

ปลายนิ้วเรียวยาวแตะลงบนกรอบหน้าขาวจัดที่ปอยผมสีดำบางส่วนยังคงสอดแทรกอยู่ในกลุ่มผมสีขาวสะอาด

กลิ่นคาวเหียนหืนของเลือดและเค้าไอของจิตมุ่งร้ายจากชุดเกราะนั้นจางหายไปหลายส่วนแล้วจากการชำระล้างโดยซานิวะ แต่บางส่วนที่ยังคงหลงเหลืออยู่ก็ยังต้องใช้เวลาเยียวยา

ดังนั้นแล้ว สึรุมารุ คุนินากะก็ยังคงต้องอยู่ในห้องซ่อมอย่างไม่มีกำหนด ห้องที่หน้าต่างและบานประตูผูกล้อมไปด้วยสายสิญจน์และกระดาษยันต์สลายมารเป็นจำนวนมาก

และผู้ที่เข้าออกห้องกึ่งปิดตายนี้ได้นอกจากซานิวะแล้ว ก็มีเพียงผู้มีจิตวิญญาณกล้าแกร่งกว่า ซึ่งในฮงมารุยามนี้นั่นมีเพียง

… มิคาสึกิ มุเนจิกะเท่านั้น

 

“เพียงหลับไปตื่นหนึ่งเท่านั้นเอง”

ปลายนิ้วได้รูปไล้ไปตามกรอบหน้างดงาม สุ้มเสียงทุ้มต่ำเอ่ยกับเจ้าของใบหน้าดวงนั้นที่เอนซบกับฝ่ามืออย่างอ่อนโยนยิ่ง

“อือ…”

เสียงครางแผ่วเบาตอบรับ ก่อนจะเอนซบลงกับแผ่นอกอีกฝ่าย แนบหูลงสดับฟังเสียงจังหวะหัวใจที่เต้นอย่างสม่ำเสมอใต้ผิวหนัง

“ได้เปิดหูเปิดตามากทีเดียวล่ะ น่าตกใจเสียจริง”

ฝ่ามือเรียวยาวแตะลงบนกลุ่มผมสีเข้มจัดที่อิงแอบบนอกอย่างว่าง่าย ผิดวิสัย ค่อยๆ ลูบไล้เส้นผมนุ่มละเอียดอย่างเบามือ

“เล่นสนุกมากเกินไปแล้ว”

เสียงอู้อี้ดังตอบมาอย่างแง่งอน น่ารักเสียจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะในลำคอ แล้วเอ่ยถามอย่างครึ้มใจยิ่งว่า

 

“แล้วทำให้เจ้าประหลาดใจได้หรือเปล่าล่ะ?”

 

“ทำให้ข้าประหลาดใจงั้นเหรอ…?”

เจ้าของร่างที่ซบอิงเรียบร้อยจนถึงเมื่อครู่ พลิกเปลี่ยนท่าทางเป็นจ้องประสานสายตากับอีกฝ่ายนิ่ง

“…”

“ฮะฮะฮะ ….นั่นสินะ ก็ทำให้รู้สึกประหลาดใจจริง ๆ นั่นแหล่ะ”

“…”

“แต่ถ้ามากไปกว่านี้ จะหักกระดูกทิ้งเสียเลย

ในดวงตาคู่นั้นไม่มีร้องรอยของการหยอกเย้า น้ำเสียงรื่นหูไพเราะแปรเปลี่ยนเป็นกระด้างเย็นชาในชั่วพริบตา

“งั้นเจ้าก็เป็นฝ่ายทำให้ข้าประหลาดใจเสียเองสิ”

สึรุมารุ คุนินากะยิ้มบาง… ริมฝีปากค่อยๆ คลี่รอยยิ้มอ่อนโยน ดวงตาสีทองสว่างเป็นประกายสดใสราวกับดวงตะวันทอแสงยามรุ่งอรุณ

“…”

“กลับมาแล้ว”

 

… มิคาสึกิ ….

 

ends.

[Touken Ranbu Fic] First?? [TsuruMika]

First?.

 

AU , Alternate Universe – Bar/Pub .

Tsurumaru Kuninaga x Mikazuki Munechika

Please read Note.

 

 

ถ้าไม่รีบจับไว้ กลัวจะหายไปกลางฝูงชนอีก…

 

ในหัวตอนนั้นมีเพียงความคิดนี้ รู้ตัวอีกทีมือก็คว้าข้อแขนของร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีเข้มนั่นไว้เสียแล้ว

ใบหน้าดวงนั้นเรียกความรู้สึกโหยหาและความรวดร้าวในแล่นผ่านอยู่ในอกไปพร้อมกัน

ต่างฝ่ายต่างนิ่งงัน จับจ้องใบหน้าของกันและกัน

ลึกลงไปในแววตาของเราสองคนสะท้อนภาพใบหน้าของใครคนหนึ่งซ้อนทับกลับมา

ชั่วพริบตา คล้ายผันผ่านไปชั่วนิรันดร์

สองมือลากพาร่างสูงโปร่งที่รู้สึกคุ้นเคยมา จัดหาที่นั่งให้และอาสาบริการด้วยตัวเอง แจกแจงเสร็จสรรพว่าตนเองเป็นโฮสอันดับหนึ่งของร้าน ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นเจ้าของ

 

มิคาสึกิกำลังหงุดหงิด

ใช่… คนที่มักควบคุมอารมณ์และมีใบหน้าเจือยิ้มอ่อนๆ เสมออย่างเขากำลังหงุดหงิด

“คนสวยผมเปิดให้ฟรี แต่ขอจูบซักทีแลกแก้วต่อแก้วนะ”

เสียงทุ้มต่ำและกิริยาขยิบตาของคนข้างตัวยิ่งทวีความขุ่นมัวให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ชายหนุ่มได้ข่าวจากเลขาคนสนิทว่าเจอพี่ชายตนเองเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้ตามลำพัง ใจเป็นห่วงคนซื่อขนาดนั้นว่าจะกลัวโดนคนไม่ดีหลอกลวงไป จึงได้คว้าเสื้อโค้ทที่ใกล้มือที่สุดและออกจากห้องรับรองมาอย่างรวดเร็ว

แต่จำนวนผู้คนที่เวลาล่วงเลยไปดึกดื่นเท่าไหร่ ยิ่งมีแต่มากขึ้น ซ้ำยังอยู่ในสภาพมึนเมา ยิ่งยากแก่การคว้านหาตัวคนคนหนึ่ง สุดท้ายจึงโดนคนหน้าเป็นข้างๆ ลากเข้าร้านมาจนได้

ในคราวแรกเขาตั้งใจจะปฏิเสธอย่างนุ่มนวลและว่ากล่าวกับการจาบจ้วงที่ถือวิสาสะมาแตะต้องเนื้อตัวอย่างไม่สมควร

แต่ดวงตาสีทองสว่างคู่นั้น ใบหน้าที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีขาวสะอาดตา ช่างคุ้นตาเสียจนเผลอชะงักงันไปชั่วขณะหนึ่ง

“แล้วกับคุณผมให้ฟรี จะกี่ดริ๊งก็ได้ แลกกับดินเนอร์พรุ่งนี้ค่ำโอเคไหมครับ แล้วหลังจากนั้นจะไปห้องคุณหรือห้องผมก็ว่ากัน”

ไม่น่าเลยจริงๆ
ตอนนั้นเขาติดใจอะไรจนยอมเดินตามคนตรงหน้ามากันนะ…

“ไม่ต้อง มีปัญญาจ่ายเองได้ จะกี่ขวดก็เปิดมา”

รอยยิ้มงดงามอ่อนหวานวาดแย้มบนเรียวปากบาง พร้อมกับบัตรเครดิตใบสวยวงเงินแพงระยับไม่จำกัดวงเงินถูกวางลงบนโต๊ะดังปึ่ง

นัยน์ตาคู่สวยหรี่ลงอย่างยั่วเย้า ในเมื่อกล้าที่จะท้าทายเขา เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคนที่ประกาศตัวว่าเป็นโฮสเบอร์หนึ่่งของร้านจะทำให้เขาพึงพอใจได้มากแค่ไหน

 

 

ขวดแล้วขวดเล่า แก้วต่อแก้ว ภายหลังจากแก้วเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นปากต่อปาก

รู้ตัวอีกทีเขากับคนตรงหน้าก็เกาะก่ายกันและแนบจุมพิตซ้ำไปซ้ำมา

ไม่รู้สถานที่ ไม่รู้เวลา

ขาเรียวยาวเกี่ยวกระหวัดรัดสะโพกราวกับเถาไม้เลื้อย โอนอ่อนแนบชิดอย่างลุ่มหลงมัวเมา ผิวกายที่อยู่ใต้มือนั้นถูกเคล้นคลึงเป็นรอยแดงในชั่วไม่กี่อึดใจ

“….ชื่อ…….อ….คุณ อืม……ผมควรเรียกว่าอะไร”

ปลายนิ้วได้รูปนั้นเกลี่ยไล่ไปตามไรผมสีอ่อนจาง ก่อนจะยกแนบข้างหูให้อย่างอ่อนโยน

“…มิคาสึกิ…”

น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปก็เช่นกัน

จากนั้นก็เป็นเสียงจูบที่ผสมปนเปไปกับเสียงหอบพร่าเคล้าเครือไปด้วยเสียงครางแผ่วอ่อนหวาน ดวงตาสีเข้มที่แต่งแต้มด้วยเส้นสีทองรูปจันทร์เสี้ยวคู่นั้นพร่าพรายไปด้วยความปรารถนา สองแขนอ้ากว้างคล้ายเรียกร้องต้องการสัมผัสที่มากขึ้นอีก

เสียงสิ่งของหล่นร่วงลงบนเตียงเป็นจังหวะเดียวกับเสียงหัวเราะแผ่วเบาด้วยความขบขัน ขณะที่ร่างกายเสียดสีกัน ในยามที่ฝ่ามือเลื่อนไล้ไปบนร่างกายที่ค่อยๆ เปล่าเปลือย

ขาสองข้างเกี่ยวกระหวัดกอดรัดกันแนบแน่น ยามนี้ร่างกายไร้ซึ้งอาภรณ์ใดติดกาย เพราะแรกเริ่มก็จวนเจียนจะไม่ถึงห้องนอนหรือเตียงดีเลยด้วยซ้ำ

จูบแรก … เสื้อโค้ทตัวนอกที่ประตูด้านหน้า
จูบที่สอง .. เสื้อเชิ้ตตัวในที่ข้างโซฟาในห้องนั่งเล่น

จนมาถึงเตียง… กางเกงก็ตามติดไปพร้อมกับริมฝีปากที่ไล่พรบจูบไปตามแผ่นอก

อ้อมแขนที่กอดก่ายกัน ค่อยๆ ปล่อยให้เสื้อผ้าอาภรณ์เลื่อนไหลลงจากร่างทีละชิ้น… ทีละชิ้น

ริมฝีปากอุ่นร้อนผลัดกันรุกไล่อีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนผละจาก ปลายนิ้วสอดแทรกไปในกลุ่มผมสีเข้มจัด พลางพิจารณาใบหน้าที่ค่อยๆ ขึ้นสีสุกก่ำ แดงระเรื่อราวกับกลีบกุหลาบ

“มิคาสึกิ”

มิคาสึกิ… มิคาสึกิ …

เสียงแหบโหยเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายซ้ำไปซ้ำมา จนสุดท้ายถูกกลืนกินไปในความเงียบงัน

ท่ามกลางลมราตรีในปลายฝนต้นฤดูหนาว มีเพียงเสียงครางผะแผ่วที่พลอดกระซิบกันและอุณหภูมิของร่างกายที่กอดก่ายกันในความมืดมิดจวบจนความต้องการนั้นสิ้นสุดลง

 

ends.

 

:: แถม ::

– ห่วย….

– …อะไรเล่า

– นี่เหรอ เบอร์หนึ่ง….ฝีมือไม่ได้เรื่อง

– นายปล้ำฉันก่อนนะ เฮ้!!

– ….ฉันทำเองยังดีกว่านี้อีก ไม่เจ็บด้วย

 

ends. จริงๆ ล่ะค่ะ

 

 

[Touken Ranbu Fic] Okaeri [TsuruMika]

Okaeri.

 

AU , Alternate Universe – Bar/Pub .

Tsurumaru Kuninaga x Mikazuki Munechika

Please read Note.

 

เอี๊ยด….

ประตูถูกผลักเปิดแผ่วเบาเป็นเพียงเสียงแว่วแผ่วในความมืดอันเงียบงัน และนาทีที่ก้าวเข้าสู่ห้องของตัวเองสึรุมารุรู้สึกได้ทันทีว่ามีใครบางคนอยู่ในห้องนี้….

ร่างสูงเพรียวสืบเท้าเข้ามาในห้อง

บานประตูค่อยๆ งับปิดลงแสงสว่างจากหลอดไฟริมทางเดินค่อยๆ เลือนหายไป ความมืดรายล้อมอยู่รอบตัว พร้อมกับวงแขนที่โอบกอดแนบชิด

สิ้นแสงสุดท้ายจากบานประตู

ขณะที่ริมฝีปากอ้ารับปลายลิ้นที่ดุนดันของอีกคนที่เบียดกายเข้ามาชิด ถูกรุกไล่จนต้องถอยร่นไปจนมุมติดกำแหง ฝ่ามือเรียวยาวกอบกุมปอยผมสั้นระต้นคอสีเข้มจัด ประคองส่วนท้ายทอยให้จุมพิตนี้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ชอนไชลึกล้ำ คล้ายปรารถนาจะกลืนกินอีกคนฝ่ายทุกซอกทุกมุม

เขาเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกก่อน ต่างฝ่ายต่างหอบหายใจสั่น หยาดน้ำใสไหลเยิ้มจากเรียวปากบาง คนตรงหน้าแลบลิ้นเลีย เมื่อมันหยาดหยดมาจนถึงปลายคาง แล้วไล้จูบขึ้นไปตามแนวสันกราม ก่อนจะงับใบหูเล่นเบาๆ หยอกเย้า

“คิดถึงฉันมั้ย สึรุจัง”

“ถ้าบอกว่าไม่ล่ะ?” สึรุมารุเอ่ยด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน ปลายนิ้วอุ่นร้อนโลมไล้ไปตามเรือนร่างสูงโปร่งของคนที่เกาะเกี่ยวตัวเองไว้

ดวงตาสีทองสว่างสบกับดวงตาสีน้้ำเงินเข้ม ในความมืดมิดที่ไร้แสงใด เส้นสีทองสว่างรูปจันทร์เสี้ยวในดวงตาคู่นั้นโชนแสงยิ่งกว่าเดิม

เสียงครางกระเส่าดังไปทั่วห้องคลอไปกับเสียงหอบหายใจ

สึรุมารุยกเรียวขาขาวขึ้นพาดบ่า ก่อนจะกระแทกกระทั้นเข้าไปในช่องทางคับแคบ จนร่างข้างใต้ไหวระริก เส้นผมสีเข้มตัดกันผ้าปูสีขาวสะอาด เหงื่อเกาะพราวบนใบหน้างดงามดวงนั้น นัยน์ตาพราวระยับร้อยเล่ห์ของเจ้าของร่าง ยามเลื่อนลอยแฝงความเว้าวอน ศีรษะเกลือกศีรษะไปมาราวกับไม่อาจทนกับการรองรับอารมณ์ใคร่รุนแรง เล็บทั้งสิบจิกทึ้งบนบ่ากว้าง บางส่วนครูดเอากับหลังไหล่เขาจนแสบแดง

มิคาสึกิ… มิคาสึกิ มุเนจิกะ คนนั้น

ใบหน้ายามปกติงดงามยิ่งกว่าภาพจินตนาการ ยิ่งยามคลี่ยิ้มยิ่งงดงามจับจิต จนใครต่อใครไม่อาจละสายตา น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวล ไพเราะราวกับเสียงสวรรค์ ทั้งในยามกำจัดใครสักคนหรือพูดคุยธรรมดา ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเสียงเดียวกัน

แต่ยามอยู่ใต้ร่างเขาใบหน้างดงามดวงนั้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่บิดเบี้ยวไปด้วยความทรมานจากความรุ่มร้อนของกามตัณหาที่แผดเผาร่าง เสียงทุ้มนุ่มนวลนั้นกลายเป็นเสียงครางผะแผ่วรวยริน

ผิวกายเนียนลื่น แน่นตึงไปทุกสัดส่วน

สึรุมารุคิด ยามที่ฝังคมเขี้ยวลงบนซอกคอขาว ล้วขบหนักบ้างเบาบ้างไล่ลงไปถึงลาดไหล่กลมเกลี้ยง ไปพร้อมกับลูบเคล้นคลึงทั่วแผ่นอกแบนราบ สะกิดตุ่มไตสีอ่อนจางจนลมหายใจติดขัดกว่าเดิม แล้วหอบครางกระเส่าอย่างไม่อาจทน แต่ก็ได้ยินเพียงผะแผ่วเท่านั้น เพราะเจ้าตัวเม้มริมฝีปากแน่นสนิท ผิดกับในยามปกติที่ริมฝีปากบางนั้นสามารถกล่าววาจาเชือดเฉือนเล่นแง่ได้เป็นสิบเป็นร้อยคำ

และยิ่งเม้มแน่นมากขึ้น ยามเขารุกรานต่ำลงไปเรื่อยๆ เพื่อมอบความหฤหรรษ์อันสุดยอดให้ส่วนที่อ่อนไหวที่สุดนั้น ลิ้นร้อนดูดดึงขบเม้ม…ใช้ฟันครูดเบาไปไปตามรูปร่างที่ขยายตัวขึ้นทุกทีอย่างหนักหน่วง จนเจ้าของร่างที่โดนรังแกแทบทนไม่ไหว มือที่เคยจิกข่วนบนบ่าเขากดขยี้ศีรษะที่ขยับสนองอารมณ์ตัวเอง ในหัวพลันรู้สึกหน้ามืดตาลาย พร่าพรายไปด้วยสีสันมากมาย

หากสัมผัสรุกเร้านั้นกลับหยุดลงดื้อๆ ราวแกล้งกัน เปลี่ยนไปเล่นกับต้นขาขาวดูดเม้มเฉียดความต้องการที่ถูกบังคับให้ตื่นขึ้นไปมา

ร่างทั้งร่างสั่นระริกด้วยอารมณ์ที่ค้างคา….แต่ไม่อาจปรนเปรอตัวเองให้จบสิ้นไปได้ แต่กระนั้นก็ไม่มีเสียงร้องขอสักครึ่งคำแม้แต่น้อย

ดวงตาเรียวคมจ้องเขม็ง มองภาพของร่างที่ทอดกายเบื้องล่างด้วยอารมณ์สุนทรีย์ ก็อยากจะแกล้งมากกว่านี้อยู่หรอกนะ แต่เขาก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

ไม่มีสัญญาณเริ่ม…..แก่นกายอันร้อนระอุด้วยความต้องการยัดเยียดลงไปในในช่องทางคับแน่นอีกครา ทั้งยังเร่งจังหวะถี่รัวอย่างไม่คิดยับยั้งชั่งใจ ข้างในตัวร่างตรงหน้าบีบรัดตอบสนองจนเขาแทบละลาย ดูดกลืนจนเขาแทบตกลงไปในหลุมแห่งความกำหนัด จนในที่สุดร่างกายที่สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวหลายต่อหลายครั้งก็ปลดปล่อยออกมาติดๆ กัน

น้ำสีขาวขุ่นไหลย้อนออกมาจากช่องทางเบื้องล่างปะปนไปกับเลือดสีแดง

“ไหนว่าไม่คิดถึงกันไง”

มิคาสึกิหัวเราะรวนพลางเอ่ยอย่างยียวน ก่อนโน้มร่างด้านบนลงโอบกอด

“ฉันยังไม่ได้พูดสักคำเลย”

สึรุมารุมาเอ่ย ตามด้วยกดจูบหนักไปที่ริมฝีปากแดงช้ำนั้น และสวมกอดคนที่เข้ามาคลอเคลียแนบชิดไม่ห่าง

“สึรุจังพูดว่า ‘ไม่’ ออกมานะ” เจ้าของชื่อยิ้ม ก่อนฝังจมูกลงกับกกหู ฟ้อนเฟ้นไปตามลำคอจนอีกฝ่ายหัวเราะคิกคักเสียงใส

“ยินดีต้อนรับกลับ มิคาสึกิ”

ends.

[Touken Ranbu-Fic] Lover’s Moon[TsuruMika]

 

 

Lover’s Moon.

 

AU , Omegaverse

Tsurumaru Kuninaga x Mikazuki Munechika

Please read The One You Love.

 

 

 

เขาไม่รู้สึกอะไรกับใบหน้าที่เหมือนราวกับจะเป็นคนคนเดียวกันของหญิงสาวในอ้อมแขน

 

หญิงสาวผู้งดงาม บอบบางราวกับดอกกุหลาบขาว

 

ไม่ใช่เพราะเธอเป็นของพี่ แต่เพราะเธอไม่ใช่คนคนนั้นตั้งหาก

 

คนที่มีใบหน้าสวยงามหมดจด รอยยิ้มงดงามที่ช่วงชิงหัวใจใครต่อใครได้เพียงแรกเจอ ซึ่งไม่เข้าคู่กับดวงตาสีน้ำเงินเข้มร้อยเล่ห์ดวงนั้น

 

สึรุมารุกำลังสับสน ในใจปะปนไปด้วยความรู้สึกหลายอย่างผสมปนเปกันจนแยกแยะไม่ออก บอกไม่ถูกว่าต้องทำอย่างไรถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

 

“ฉันจะทำยังไงกับนายดี…” ชายหนุ่มกระซิบ ริมฝีปากยังคงวนเวียน เลาะเล็มไปบนเรียวปากบางของอีกคน ลมหายใจร้อนผะผ่าวระริน ก่อนจะผละจาก ฝืนตัดใจ หากยังไม่ได้ทำอย่างที่คิด เจ้าตัวกลับวาดแขนขึ้นโอบรอบคอเขา รั้งลงมาแนบจูบใหม่ เขาตกใจจนเผลอตอบรับ ยอมให้ลิ้นของคนอายุมากกว่ารุกล้ำเข้ามา

 

จุมพิตนั้นหิวกระหาย ราวกับจะดูดกลืนวิญญาณกันก็ไม่ปาน

 

“อือ…” ร่างเพรียวครางเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่ค่อยๆ เปิดลืมขึ้นมานั้น ไม่มีเค้าของสติสัมปชัญญะเลยแม้แต่น้อย มีแต่ความพร่าเลือน คล้ายกับอยู่ในห้วงฝัน กึ่งหลับกึ่งตื่น ไม่รับรู้ความเป็นจริง

 

มือเอื้อมไปหวังจะคว้าเรียกอีกคนให้ได้สติ แต่กลับถูกกระชากจนเป็นฝ่ายล้มลงไปนอนแผ่ซะแทน และมิคาสึกิเองก็ไม่เปิดโอกาสให้เขาร้องประท้วงใดใดเลย เพราะเจ้าตัวปีนป่ายขึ้นมาคร่อมทับเขาทั้งตัว แถมยังใช้สะโพกแน่นๆ นั้นทับบนกึ่งตรงลำตัวอีกด้วย

 

ร่างเพรียวหอบหายใจ แผ่นอกสะท้านไหวคล้ายกับกำลังทรมาน ผิวแก้มสองข้างแดงระเรื่อ ไม่สิ ทั้งริมฝีปาก ใบหน้า เรื่อยไปถึงลำคอ เหมือนจะแดงไปทั้งตัวแล้วด้วยซ้ำ เหมือนมีความร้อนพลุ่งพล่านอยู่ภายในร่างกายนั้น แต่ไม่สามารถระบายออกมาได้

 

สึรุมารุจ้องมองใบหน้าและดวงตาคู่นั้น ลางสังหรณ์บางประการร้องเตือนลั่น ซึ่งคนที่ยังไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่นั้นก็ไม่ได้นำพาความเดือดร้อนของเขาสักนิด ตั้งหน้าตั้งตาลอกคราบเขาอย่างเต็มที่ ใช้เวลาไม่กี่อึดใจ ร่างกายท่อนบนเขาก็เปล่าเปลือย ฝ่ามือเรียวสวยลูบไล้ไปตามแผ่นอกแบนราบ ครูดเล็บคมๆ ไล่ต่ำลงไป ก่อนจะตามติดด้วยริมฝีปาก

 

มิคาสึกิแตะจูบแผ่วเบาสลับกับเน้นหนัก เรียงมาตั้งแต่ใบหู ซอกคอ จวนเจียนจะถึงปราการด่านสุดท้ายรอมร่อ เจ้าตัวหัวเราะคิกคักเสียงใส มือสะกิดขอบกางเกงเขา แล้วรูดลง

 

ความต้องการของร่างกายเปิดเผยซื่อตรงจนเขาแทบอยากมุดดินหนีอายไปให้รู้แล้วรู้รอด และยิ่งตื่นตัวมากขึ้นอีก ยามที่มือเรียวสวยคู่นั้นค่อยๆ ประคอง แล้วอ้ารับ

 

เขาเกร็งสุดตัวเกือบจะถอยหนีคนตรงหน้าไปแล้ว ถ้าไม่ถูกมือคู่นั้นตะปบไว้

 

ชายหนุ่มครางลึกในลำคอ เสียงทุ้มต่ำหอบพร่าจากความเสียวซ่าน ยิ่งได้รับการปรนเปรออย่างหนักหน่วง จากเรียวลิ้นที่ดูดดุน โลมเลียราวกับกำลังกินขนมหวาน เขาก็เกือบจะถึงสวรรค์ในปากสวยๆ นั่นไปแล้ว แต่คนงามของเขากลับกระชากเขาลงไปตกนรกเสียอย่างนั้น

 

นัยน์ตาสีทองกะพริบปริบๆ ด้วยอารมณ์ที่ค้างคา มองอีกฝ่ายอย่างสงสัย แล้วก็ได้เจออะไรที่ทำให้อึ้งกว่าเดิม เพราะเจ้าตัวไล้เลียปลายนิ้วของตัวเองจนชุ่มโชก ก่อนจะยันตัวขึ้นสูงแล้วสอดแทรกเข้าไปในร่างตรงช่องทางนั้น

 

หัวใจเต้นแรงถี่รัว

 

เขาเพิ่งรู้ตัวว่าหลงรักมิคาสึกิ แล้วก็เพิ่งอกหักมายังไม่ถึงชั่วโมงดี แต่ตอนนี้… เขากับคนตรงหน้ากลับ…

 

“เฮ้ย!!”

 

สึรุมารุร้องลั่นด้วยความตกใจ เมื่อคนตรงหน้าใช้สองมือยันลงบนหน้าอกเขาเป็นฐานประคอง สะโพกยกขึ้นสูงจนได้ระยะพอเหมาะ แล้วจับส่วนสำคัญของเขาไว้มั่น ก่อนจะทิ้งตัวลงรับเข้าอย่างห้าวหาญ

 

ร่างกายที่แนบชิดกันอย่างกะทันหันเกร็งจนสั่น ความเสียวซ่ายแล่นวาบขึ้นมาในหัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เจ็บจี๊ดราวกับโดนไฟช็อต คนด้านบนหอบหายใจแรง เรียวขาที่อ้าคร่อมเขาอยู่และฝืนรับตัวตนของเขาเข้าไปนั่นสั่นระริก คาดว่าคงเจ็บไม่ใช่น้อย แต่ถึงกระนั้นก็ยังรั้นไม่เลิก ชันกายขึ้นตั้งตัวแล้วทิ้งตัวลงมาจนสุดทาง

 

ภายในเสียดสี ช่องทางคับแน่นนั่นบีบรัด ใบหน้างดงามดวงนั้นสะบัดหงายขึ้น ฝ่ามือที่วางบนอกเขาเพื่อย้ำยันร่างกายตัวเองอ่อนแรง จนชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเอื้อมลงไปคว้าลงมากอดไว้

 

มิคาสึกิครางแผ่วเบา ใบหน้าซุกอยู่กับไหล่เขา ปลายจมูกปัดป่ายไปบนผิวเนื้อ สองแขนนั้นกอดตอบแน่น ใช้เวลาตั้งหลักอยู่สักพักก่อนจะเปลี่ยนท่าเป็นบดเบียดสะโพกเข้ากับร่างเขา

 

ชายหนุ่มคว้าสะโพกเพรียวนั้นเอาไว้ ผ่อนแรงที่ขย่มโยกลงมา อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเปดช่องว่างตามเข้ากระแทกสวนขึ้นไป แค่แทนที่จะได้สติ

 

เจ้าของนัยน์ตาจันทร์เสี้ยวดวงนั้นกลับหัวเราะร่วน ขย่มตัวแรงขึ้น เร็วขึ้น ไล่ตามจังหวะที่เขาสวนกลับอย่างชอบใจ

 

เสียงครางครวญก้องกังวาน เสียงของมิคาสึกิที่ปกติทุ้มนุ่มชวนฟังกลับกระเส่าพร่ายั่วเย้า ราวกับเสียงของปีศาจในความฝันที่ล่อลวงมนุษย์ให้ลุ่มหลงในกามตัณหา

 

“อา…” ร่างเพรียวครางเสียงหวาน หลังจากที่เล่นงานเขาจนเสร็จสมและปลดปล่อยไปพร้อมกัน หมดเรี่ยวแรงจนเอนตัวลงมาแอบอิงซบอกเขาอย่างว่าง่าย และนิ่งค้างอยู่ในท่าที่ร่างกายยังไม่แยกจากกัน

 

ไออุ่นร้อนของบรรยากาศหลังกิจกรรมร้อนแรงยังอบอวลอยู่ ร่างกายยังหนุ่มแน่นของเขาจึงเกิดไม่รักดีขึ้นมา ค่อยๆ เติบโตทั้งที่ยังค้างอยู่ภายในตัวของอีกฝ่าย

 

มิคาสึกิยันตัวขึ้น ดวงตาคู่นั้นกะพริบถี่เริ่มได้สติกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกข้าง คิ้วเรียวสวยขมวดหม่น

 

“สึรุ… ฉัน… อ๊ะ!” และตัวความที่เขายังอยู่ในตัวอีกฝ่าย เมื่อขยับตัวกะทันหันเลยกระทบโดนจุดอ่อนไหวในร่างหลุดเสียงครางออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

 

นัยน์ตาเรียวสวยหรี่ลงอย่างอันตราย กวาดตามองรอบตัว ทีแรกจ้องเขม็งมาที่เขา และพอเลื่อนสายตาลงมามองตัวเองที่คร่อมทับตัวเขาอยู่ ใบหน้าหมดงดงามดวงนั้นจึงค่อยๆ แย้มรอยยิ้มละมุนละไม

 

“ฉวยโอกาสกับคนเมามันไม่ดีน่ะรู้มั้ย…” ปลายนิ้วแตะเชยคางเขาขึ้น “สึรุจัง”

 

“นายเห็นสภาพตอนนี้แล้วน่าจะรู้น่ะว่าใครเป็นคนฉวยโอกาสใคร” เขายิ้มให้ ก่อนจัดการรั้งสะโพกเพรียวไว้ แล้วแกล้งกระแทกสวน

 

ร่างเพรียวยิ้มค้าง แอ่นตัวเกร็งแน่น รัดเขาจนเจ็บเลยทีเดียว ถ้าหูไม่ฝาดเหมือนจะได้ยินเสียงคนด้านบนกัดฟันกรอด

 

ชัยชนะเล็กๆ ส่งผลให้รอยยิ้มที่มอบให้อีกฝ่ายอ่อนโยนขึ้นหลายส่วนเลยทีเดียว

 

คราวนี้มิคาสึกิไม่ตอบอีกต่อไป

 

สองร่างที่ยังเชื่อมต่อกันและกันนี้ เพราะชอบเอาชนะ จึงไม่มีใครยอมใคร   ผลัดกันบดเบียดเสียดสีร่างกายของอีกฝ่ายอย่างตะกรุมตะกราม ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดี เพราะถูกเติมเต็มด้วยความอบอุ่นจนหลงลืมเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ไปสิ้น

 

To be continued … Anywhere But Here.

 

[Touken Ranbu-Fic] The One You Love [TsuruMika]

The One You Love

 

 

AU , Omegaverse

Tsurumaru Kuninaga x Mikazuki Munechika

 

 

 
นับตั้งแต่จำความได้ เรามีกันและกันเสมอ

ลืมตาตื่นคือคนแรกที่เห็น
หลับตาลงคือสุดท้ายที่เจอ

ไม่พรากจากกัน

ตั้งแต่แรกเริ่ม เป็นดั่งกระจกสะท้อนเงาของกันและกัน

ผมยิ้ม เธอยิ้ม
ผมเจ็บปวด เธอร่ำไห้
เธอสุข ผมสุข
ผมเหงา เธอเศร้า

ผมเคยคิดว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป

จนกระทั่ง… วันนั้นมาถึง

 

ร่างสูงเพรียวในชุดสูทสีดำสนิทยืนนิ่ง ดูเผินๆ เหมือนจะสงบเงียบเรียบร้อยดี ถ้ามือเรียวยาวนั้นไม่หยิบแก้วจากบริกรที่เดินผ่านทุกห้านาที

 

แอลกอฮอล์แก้วแล้วแก้วเล่า ไหลผ่านลำคอลงไป นัยน์ตาคู่สวยก็ยิ่งปรือปรอย หยาดเยิ้มขึ้นทุกที

 

เฮ้… ไม่สวยมั้งงี้

 

ชายหนุ่มลังเลว่าจะเข้าไปห้ามดีมั้ย เพราะแน่ใจว่าพอเห็นหน้าที่เหมือนพี่ชายไม่ผิดเพี้ยนของเขา เจ้าตัวอาจจะอารมณ์ขึ้นจนเปลี่ยนจากเทเหล้าลงคอมารดหัวเขาแทนก็เถอะ

 

แต่คนที่นึกเป็นห่วงกลับไม่นำพาเท่าไหร่

 

ใบหน้าที่หล่อเหลางดงามนั้นยิ้ม ยิ้มทั้งปากทั้งตา

 

เล่นเอาสะดุดเท้าพรืด ลืมหายใจไปเป็นสิบวิได้

 

บัดซบเอ๋ย! พระเจ้าเล่นบ้าอะไรให้คนนิสัยร้ายกาจแบบนั้นมีใบหน้างดงามไร้ที่ติแบบนี้ว่ะ!!

 

ชายหนุ่มหันไปหาพี่ชายที่เริ่มเมียงมองมาทางนี้และน้องสาวเจ้าตัวติดจะกังวลอยู่ไม่น้อย แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธว่าไม่มีอะไร ขาก้าวไปหาร่างสูงเพรียวของคนคนนั้น

 

ดวงตาสีน้ำเงินเข้มดวงนั้นแลมาสบราวกับรู้ตัวว่าถูกจ้องมองอยู่ เรียวปากบางคลี่ยิ้มอีกครา ครั้งนี้อ่อนโยนยิ่ง

 

“สึรุมารุเองเหรอ …”

 

โทนเสียงของคนตรงหน้าก้องกังวานและกระจ่างใส หากทุ้มต่ำอย่างนุ่มนวล เล่นงานเขาจนต้องมนตร์สะกด รู้สึกตัวอีกทีก็พยุงร่างอ่อนปวกเปียกที่เอนพิงลงมาอย่างว่าง่ายผิดปกติกับอกนั้นซะแล้ว

 

กลิ่นหอมรวยรินอบอวล อดไม่ได้ที่จะฝังจมูกลงกับกลุ่มผมสีเข้มที่ซุกซบอยู่

 

ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ตัดสินใจพยุงร่างที่ทิ้งน้ำหนักตัวลงมาที่เขาราวกับไม่มีกระดูกขึ้นมากะทันหันขึ้นไปชั้นบนของห้องจัดเลี้ยง เดิมทีห้องนี้เขาเปิดทิ้งไว้เพื่อจะนอนเองหลังจบงาน แต่ดูท่าคงได้มีคนร่วมแบ่งเตียงเสียแล้ว

 

เมื่อเจอฟูกนอน เจ้าตัวก็ครางเบาๆ ในลำคอ พึมพำเสียงแผ่ว ก่อนจะหัวเราะคิกคัก ตอนแรกนึกว่าโดนแกล้งให้แบกคนเมาซะแล้ว แต่ไม่ทันให้เขาทำอะไรต่อ ก็เหมือนเจ้าของกลุ่มผมสีเข้มนั่นเจอมุมที่ต้องใจซุกไซร้หมอนใบโต คว้าอีกใบที่อยู่ข้างมาแนบหน้า นอนกอดไปหน้าตาเฉย

 

ลมหายใจผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ดูไร้พิษสงและเปราะบางราวกับเด็กตัวเล็กๆ ชนิดว่าใครเห็นคงไม่มีทางเชื่อว่าคนตรงหน้าจะเป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงที่กุมอำนาจกิจการทั้งด้านมืดและด้านสว่างไว้ในมือ

 

สึรุมารุพิจารณาใบหน้าแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์เหล้านั่น นับเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งที่จะจ้องมองใบหน้าดวงนี้ โดยไม่ถูกดวงตาคู่นั้นดึงดูดล่อลวง

 

ปลายนิ้วแตะลงบนแก้มนิ่ม แทบกันแล้วเขาขาวกว่าคนตรงหน้าด้วยซ้ำ หากผิวของมิคาสึกิกลับเนียนละเอียด เหมือนหยกขาวไร้ตำหนิที่ต้องแสงนวลอ่อนของเปลวเทียน ขนตาเป็นแพงามงอนยามเมื่อปิดสนิท

 

คนอื่นอาจจะชอบ ยามนี้ เวลาที่เจ้าตัวดูอ่อนแอเปราะบาง แต่เขากลับคิดว่าไม่สมกับเป็นจันทร์เสี้ยวร้อยเล่ห์เมื่อแรกเจอ ชายหนุ่มค้นพบว่า เขาชอบมองมิคาสึกิ ยามที่เจ้าตัวตื่นมากกว่า ชอบที่จะจ้องมองไปในดวงตาสีน้ำเงินเข้มประดับจันทร์ข้างแรมคู่หนึ่งไว้  ชอบน้ำเสียงเวลาเล่นแง่ปั่นป่วนผู้คน

 

สึรุมารุเกลี่ยปอยผมที่ระปรกใบหน้างดงามดวงนั้น ที่สะท้อนความเจ็บปวดบางเบาออกมา และพึมพำชื่อของน้องสาวตัวเองซ้ำไปซ้ำมา

 

“เสียใจฮิโรกิเลือกพี่ฉันมากกว่านายเหรอ?”

 

ร่างบนเตียงตอบรับด้วยการถอดถอนหายใจ

 

“อยากให้เธอทิ้งทุกอย่าง ทั้งคู่ลิขิต ทั้งความรัก เพื่ออยู่กับนายตลอดไป?”

 

เสียงตอบรับครั้งนี้ดังชัดเจนกว่าเสียงถอนหายใจก่อนหน้า

 

ชายหนุ่มหัวเราะ หัวเราะเสียจนใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเหยเก นึกไม่ถึงว่าคนที่เข้มแข็งและร้ายกาจถึงขนาดนี้ กลับซุกซ่อนจุดอ่อนของหัวใจตัวเองไว้อย่างแยบยล ใครจะไปคาดคิดว่าคนที่เจ้าตัวรักที่สุดกลับเป็นน้องสาวฝาแฝดตัวเอง

 

สึรุมารุโน้มตัวลงชิด สอดนิ้วมือเข้ากับกลุ่มผมสีน้ำเงินเข้มเพื่อช้อนศีรษะนั้นให้แหงนเงยขึ้น ริมฝีปากบางที่แดงระเรื่อด้วยฤทธิ์เหล้าเผยออ้าน้อยๆ ซึ่งเขาไม่ลังเลเลยที่จะทาบทับริมฝีปากตัวเองลงไป

 

จุมพิตที่กัดกินตัวตนและสติของร่างในอ้อมแขนในพร่าเลือน กระซิบถ้อยคำปลอบโยนที่ไม่รู้ว่าพูดกับตัวเองหรือคนตรงหน้า ทั้งที่ทุกคำที่เอ่ยออกไปเป็นเหมือนมีดที่กรีดลงบนหัวใจตัวเอง

 

รู้สึกตัวในที่สุดว่าตนเองไม่ได้เพียงสนใจคนตรงหน้า
เขาเพียงแค่ตกหลุมรัก… รักมิคาสึกิตั้งแต่แรกเจอ

 

To be continuedLover’s Moon

[Touken Ranbu-Fic] the 1000th Summer [TsuruMika]

 
 

千年夏

– the 1000th Summer –

つるみか / 鶴丸 x 三日月

 
 
 
 

ฤดูร้อนปีที่หนึ่งพัน

 
 
 
 
 
 
 
 
…. ข้าเพียงปรารถนาจะพบเจ้าอีกครั้ง ….

ได้โปรดเถิดพระผู้เป็นเจ้า
หากท่านมีอยู่จริงแล้วล่ะก็….

ช่วยให้เราได้พบกันที

อา … ข้ามองอะไรไม่เห็นเสียแล้ว สึรุมารุ

ดวงตาพร่ามัวไปหมดสิ้น เหลือเพียงสีขาวอันว่างเปล่าและร่างกายที่เย็นชืดลงทุกที

นี่… คงไม่ได้พบกันอีก
…เสียแล้วกระมัง

…สึกิ
มิคะ….สึกิ
มิคะสึกิ!!

ช่างน่าตระหนกตกใจเสียจริง
อาการลนลานเช่นนั้น ไม่สมกับเป็นเจ้าที่ชื่นชอบเรื่องตื่นเต้นเอาเสียเลย

หากทำได้…
ข้าก็ปรารถนาจะเห็นใบหน้าที่แสนหายากนั้นเป็นครั้งสุดท้ายด้วยดวงตาคู่นี้

แต่…

‘ไม่ไหวเสียแล้วล่ะ สึรุมารุ’

ไว้พบกันใหม่นะ

 
 
 
 
 
 
 
 

กระแสคลื่นฝูงชนมหาศาลของสถานีรถไฟฟ้ายามเช้าเร่งด่วน ผู้คนเดินแออัดเบียดเสียดราวกับกลุ่มมดงานเหมือนกันไปหมด เขาที่ไม่รีบเร่งเท่าใดนัก เพราะตื่นเช้าตามเวลาปกติ

เทอมสุดท้ายซึ่งเคลียร์งานและธีสิสเรียบร้อยแล้วค่อนข้างว่างอย่างน่าใจหายเลยทีเดียวจึงออกมาเตร็ดเตร่ไปมหาวิทยาลัยแทน หมายใจจะไปทักทายอาจารย์และเพื่อนรุ่นน้องให้เซอร์ไพร์ซเล่น

หากแผนที่มีเป็นอันต้องถูกยกเลิกไป

ร่างสูงโปร่ง เพรียวบางในชุดสูทสีเข้มพอดีตัว ตัดกับใบหน้าขาวจัด บนรูปหน้างดงามเหมาะเจาะ ริมฝีปากบางสีแดงอ่อนระเรื่อคลี่ยิ้มคล้ายอ่อนอกอ่อนใจกับตัวเอง โดยมีปลายนิ้วเรียวยาวแตะบนกลีบปากล่าง แสดงอาการครุ่นคิด

ในสถานีที่คนเบียดเสียดไร้ช่องว่าง ปรากฏบริเวณสุญญากาศรอบเจ้าตัว
บรรยากาศสูงส่งงดงาม และบริสุทธิ์ ราวกับดวงจันทร์บนนภาที่ไม่เคยแปดเปื้อนอย่างไรอย่างนั้น

“อ๊ะ! สึรุ…” น้ำเสียงนุ่มนวลกล่าวเรียกชื่อเขา แม้ไกลถึงขนาดนี้กลับก้องในโสตประสาทอย่างชัดเจน ร่างสูงโปร่งพาตัวมาหยุดตรงหน้า ก่อนฝ่ามือที่สวมใส่ถุงมือสีเข้มไว้นั้นจะยกมือเขาขึ้นเกาะกุม รอยยิ้มหวานระบายเต็มใบหน้า ศีรษะเอียงเล็กน้อยจนปอยผมข้างหนึ่งตกลงระเรี่ยลาดไหล่

“ตั๋วรถไฟนี่ซื้อยังไงเหรอ?”
 
 
 
 
 
 
 
 

[Touken Ranbu-Fic] Tsubaki [TsuruMika]

椿の咲く夜に

[ ค่ำคืนที่สึบากิเบ่งบาน ]

つるみか / 鶴丸 x 三日月

สึบากิโรยร่วง ปลิดปลิว เฉกเช่นกาลเวลาที่ล่วงเลยผันผ่านนานนับพันปี

ฤดูกาลเวียนบรรจบครั้งแล้วครั้งเล่า หมุนวนเป็นวัฏจักรเรื่อยร่ำ และจะเป็นเช่นนี้สืบไปจนชั่วกัลปาวสาน
เฉกเช่นมวลเหล่าบุปผาที่เคยบานสะพรั่งผลิดอกในสวนหินอ่อน และฝูงปลาแหวกว่ายในสระน้ำใสดั่งกระจกสะท้อนเงา

ดอกไม้โรยราหมดต้นเสียแล้วทิ้งไว้เพียงกิ่งก้านแห้งกรอบฤดูใบไม้ร่วงปีนี้มาเยือนเร็วกว่าที่คาดคิดไว้มาก

มิคะสึกินั่งแกว่งขาริมระเบียงชานที่ติดกับสวน เฝ้าดูลำต้นที่ไร้ใบดอกด้วยสายตาเหม่อลอย พอว่างเกินไปเส้นสายก็ฝืดเคือง พาลจะอยากล้มตัวลงนอน ไม่ก็เอนกายลงสดับเสียงของธรรมชาติที่รายล้อมรอบตัว

กระบอกไม้ไผ่ที่เริ่มมีน้ำหยดลงช้าขึ้นทุกที สายลมที่พัดพาย หอบใบไม้แห้งและฝุ่นผงให้คละคลุ้งขึ้นมา ก้อนหินกรวดมนเพียงส่วนกลิ้งไหว กระทบกันและกันจนก่อเสียงประหลาด

ยามที่ร่างกายซวนซบลงนอน ใบหน้าแนบลงกับเสื่อทาทามิ เปลือกตาก็ค่อยๆ หนักอึ้งลงทุกทีอย่างไม่อาจห้าม

หวนคิดถึงบุปผาสีแดงฉานดอกนั้น ที่ไม่ว่าจะยามฤดูร้อน ฤดูใบไม้ผลิ หรือใบไม้ร่วง จวบจนล่วงเลยถึงฤดูหนาวที่หิมะโปรยปราย

…ดอกไม้งามดอกนั้น…

ดอกสึบากิก็ยังคงบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมรวยรินและโอดโฉมความงดงามไม่เปลี่ยนแปลง

….ราวกับจะเป็นนิรันดร์…..

แม้นย่างเข้าสู่ช่วงราตรีกาลที่ทวิลับขอบฟ้า
รับรู้ได้ถึงริมฝีปากที่ทาบทับลงมาบนผิวเนื้ออ่อนชวนให้รู้สึกไม่คุ้นชิน

เราสองคนหาใช่มนุษย์ จึงมีเคยได้รับการสัมผัสเนื้อหนังอันอบอุ่นซึ่งกันและกันมาก่อน

….น่าประหลาดนัก

………………………………………………………………………………………………

………………………………………………

………………………………

…………………..

……..

ยามได้หวนคืนสู่มิติเวลาที่เป็นดั่งอีกโลก และจิตวิญญาณที่ได้รับปลุกให้ลืมตื่น และมีรูปกายขึ้นมานั้น กลับโหยหากันและกันขึ้นมา ดั่งมีแรงดึงดูดที่รวบกอด และโอบประสานเราทั้งคู่

มือเชยชิดใบหน้าขาวหมดจดดวงนั้น เช่นเดียวกับที่มือของอีกฝ่ายแตะสัมผัสบนผิวแก้ม สัมผัสที่เคยเย็นเฉียบเพราะต่างเป็น ‘ดาบ’ นั่น อบอุ่นได้มากถึงเพียงนี้เชียวเหรอ

ข้าครุ่นคิดด้วยความสงสัยยิ่ง

‘เจ้าเหม่อในเวลาแบบนี้ด้วยเรอะ มิคาสึกิ’

ดวงตาสีเหลืองทองที่ห่างไปเพียงฝ่ามือกั้น จนเห็นได้ชัดเจนถึงความระอาใจกึ่งปลิดปลงในแก้วตาคู่นั้น

สัมผัสจากฝ่ามือเรียวยาวคู่นั้นอุ่นยิ่ง หากริมฝีปากที่ทาบทับลงมากลับอุ่นยิ่งกว่า ยามเมื่อกดจูบลงตามผิวกายอย่างรักใคร่ยิ่งทวีความรุ่มร้อน

นัยน์ตาเปิดเปลือย แสดงความหลงใหลคลั้งไคล้หมดใจ

อา…. ทำไมถึงได้โหยหาขนาดนี้กัน?

ขาเรียวยาวเกี่ยวกระหวัดรัดราวกับเถาไม้เลื้อย ผิวเนียนละเอียดเป็นสีน้ำนม ยามถูกทาบทับด้วยมือขาวจัดคู่นั้นโดดเด่นยิ่ง

และยิ่งเด่นชัดขึ้นไปอีกเมื่อถูกบีบเคล้นตามไปเรือนร่าง

สัมผัสที่ตะกรุมตะกรามราวกับไม่อาจอดใจไหว

“วันนี้ดูกระตือรือร้นจริง สึรุมารุ”

จุมพิตบางเบาคละเคล้าไปด้วยเสียงครางเครือนุ่มนวล เจ้าของชื่อกลับตอบรับการเรียกขานด้วยอ้อมแขนที่กระชับแน่นยิ่งกว่าเดิม

อาภรณ์หนาหนักทิ้งตัวร่วงหล่นบนพื้นเสื่ออย่างเงียบงัน หลงเหลือเป็นเรือนร่างเปล่าเปลือยที่เสียดสีกัน

ฝ่ามือที่เลื่อนไล้ไปตามแนวโครงร่างชวนให้จั๊กจี้ เสียงหัวเราะอย่างสมใจดังแว่วมา ก่อนจะถูกรุกไล่ด้วยจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าของร่างที่ทาบทับอยู่ด้านบน ปลายนิ้วแทรกผ่านไปในกลุ่มผมสีขาวปลอด

ริมฝีปากผละจาก ใบหน้าที่สะท้อนในดวงตาจันทร์เสี้ยวคู่งามคือใบหน้าของชายหนุ่มที่ขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่ารัก

“มิคาสึกิ เจ้าเองก็มืออยู่ไม่สุขเหมือนกัน”

ดวงตาสีทองหรี่ลง แววตาอาฆาตมาดร้ายกับปลายนิ้วเรียวยาวที่กำลังกอบกุมส่วนอ่อนไหวแข็งตึงที่เสียดสีกับหน้าท้องแบนราบของเจ้าตัวอยู่ ของเหลวเปียกลื่นไหลปริ่มจากส่วนยอดในยามที่อารมณ์และความต้องการค่อยๆ ก่อเกิดขึ้น และจวนเจียนปะทุออกมา

ขาทั้งสองข้างที่กอดเกี่ยวกันรัดพัน ดึงรั้งสะโพกแกร่งของอีกคนเข้ามามาใกล้ ลิ้นนุ่มแลบเลียใบหูนิ่มของคนที่กำลังฝากรอยไว้บนลำคอของตัวเอง

“ถ้าสึรุมารุยังไม่พร้อม ให้ข้าเป็นคนทำก็ได้นะ”

เขี้ยวคมกัดย้ำและขบเม้มอย่างไม่ออมแรง คนเจ็บตัวหัวเราะร่วนเสียงใส  ขณะที่อีกฝ่ายยังคงเลาะเล็มลำคอเพรียว ฝังใบหน้าลงบนลาดไหล่ พลางทิ้งน้ำหนักตัวลงมาทาบทับไม่ให้คนมืออยู่ไม่สุขก่อกวนอะไรได้อีก

นัยน์ตาสองคู่สบประสานกัน ภายใต้แสงจันทร์บางเบาที่เล็ดลอดเข้ามาผ่านม่านไม้ไผ่ต่างฝ่ายต่างเห็นเพียงเงาของอีกคนสะท้อนอยู่ในนั้น

“พรุ่งนี้ลุกไม่ขึ้น อย่ามาโทษข้าทีละหลังล่ะกัน”

ปลายนิ้วแตะลงบนผิวแก้มชื้นเหงื่อ สั่นระริกเล็กนน้อยด้วยต้องข่มกลั้นความต้องการที่จะปลดปล่อย แต่อีกฝ่ายกลับขยับเบียดสะโพกเพรียวเข้าหากับต้นขา จงใจเสียดสีความร้อนเร่าที่เต้นระริกแนบเนื้ออยู่

“… เจ้าเป็นพวกชอบความเจ็บปวดหรือไง”

ค่อยๆ ฝืนรุกล้ำเข้าไปอย่างเชื่องช้า เนื่องด้วยกลัวอีกฝ่ายจะเจ็บตัวจากการไม่ได้เตรียมพร้อมให้เหมาะสม หากภายในที่บีบรัดแน่นนี้ อบอุ่นเสียจนทุกขณะที่รุกคืบเข้าไป แทบจะหลอมละลาย กล้ามเนื้ออ่อนนุ่มด้านในกระตุกย้ำเป็นจังหวะเสียดสีกับตัวตนของเขา เสียงหอบหายใจหนักหน่วงถูกผ่อนพ่นออกมาเป็นระยะ ก่อนจะรับรู้ได้ถึงของเหลวที่ถะถั่งเข้าสู่ช่องทางคับแคบจนชุ่มไปหมด บางส่วนล้นตามออกมาตอนที่เขาถอนตัวออกด้วยซ้ำ

ภาพที่ปลุกเร้าอารมณ์ที่เพิ่งปลดปล่อยขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เพียงแต่คนที่ควรจะนอนพักเฉยๆ เพราะเพิ่งผ่านศึกหนักที่ไม่ได้เตรียมพร้อมมากลับลุกขึ้นยิ้มหวาน ก่อนจะผลักเขาลงบนฟูกนิ่มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน แลบเลียริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะพาร่างปีนป่ายขึ้นคร่อมตัวเขา แล้วกดร่างลงรับความแข็งขืนไม่รักดีที่ตื่นขึ้นของเขาอย่างไม่ออมแรง ซ้ำยังขยับโยกกายขึ้นลงตามความพอใจของตัวเอง ขาเรียวสวยหนีบล็อคเอวเขาไว้มั่น ฝ่ามือเรียวยาววางบนแผ่นอกเขาเป็นที่ค้ำยัน แล้วทิ้งตัวขึ้นลงด้วยท่าทีห้าวหาญราวกับนักขี่ม้ามือฉมังที่กำลังควบขี่ม้าตัวโปรดก็ไม่ปาน

“…. เจ้ามันร้ายกาจ”

คนสวยแย้มรอยยิ้มอ่อนหวานนุ่มนวล ดวงตางามราวจันทร์ค้างแรมดวงนั้นก้มมองลงมา แววตาเจอรอยเอื้อเอ็นดู

“สึรุจังน่ากินเองตั้งหาก”

ลมราตรีแห่งฤดูใบไม้ร่วงโชยอ่อน ความเยียบเย็นอาจจะบาดผิวกายใครอื่นให้ละอาย หากสองร่างที่กอดก่ายแลกเปลี่ยนความอบอุ่นนั้น กลับสร้างความร้อนระอุเสียจนไม่นำพาความหนาวเย็นที่กล้ำกรายมาแม้แต่น้อย

กลีบดอกของสึบากิค่อยๆ ปลิดปลิวลงบนพื้นลาน ราวกับพรมสีแดงสด ตัดกับละอองหิมะสีขาวที่หล่นร่วงลงมา

นกน้อยสีขาวตัวหนึ่งเฝ้าครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่า ตนเองได้คว้าจับดวงจันทร์แสนงามบนฟากฟ้าได้ หรือ เป็นตัวเองที่ถูกความงดงามนั้นดึงดูดจนไม่อาจหันเหกัน

おわる…

[Touken Ranbu-Fic] Shochuu [TsuruMika]

 
 

暑中
– กลางฤดูร้อนจัด* –

つるみか / 鶴丸 x 三日月

 
 
 
 
 
 
รอยยิ้มซึ่งงดงามอ่อนหวาน หลอมละลายหัวใจที่เต้นอย่างอหังการมากว่าร้อยปีให้สงบนิ่งดุจน้ำใส ดั่งภาพพิมพ์บนกระดาษ เส้นสายที่สอดรับเป็นโครงหน้า ริมฝีปาก และรูปกายของคนผู้นั้น อ่อนช้อยเหลือจะกล่าว

ความงดงามซึ่งยืนยง สง่างามมานับพันปี ยิ่งได้สบดวงเนตรที่คล้ายนำจันทร์เสี้ยวมาประดับไว้

ความรู้สึกในกายล้วนละลายหาย เหือดแห้งไป กระทั่งดาบที่กุมไว้ เลือดที่หลั่งรินก็ล้วนไม่รับรู้

ข้า… มิกะสึกิ มุเนะจิกะ

นี่เอง… สินะ ที่เรียกว่าความงามอันเป็นหนึ่งในใต้หล้า

หากเบื้องหน้าที่ได้แลเห็นยามนี้นั้น ยังเยาวว์วัยเหลือเกิน สามารถโอบอุ้มได้ด้วยแขนเพียงข้างเดียวด้วยซ้ำ

ตัวเขาที่กร่ำศึกจนต้องเข้ารับการซ่อมแซมจากซานิวะนั้น เหม่อมองร่างเล็กๆ ที่กำลังส่งเสียงหัวเราะสดใสกับโคกิทสึเนะมารุอย่างเหม่อลอย จนมือหนักๆ ของหญิงสาวหนึ่งเดียวในฮงมารุต้องใช้พัดในมือนั้นตบลงบนศีรษะเรียกสติ

น้ำหนักมือไม่แรงไม่เบา แต่ก็เล่นเอาตื่นจากอาการเพ้อละเมอได้ทีเดียว

“เฮ้…. ทำไมถึง…. ”

พวกเขาเพิ่งกลับจากสมรภูมิอัตสึคาชิยามะ ได้เพียงไม่นานเท่าไหร่ แถมในศึกเมื่อครู่นี่ หลายต่อหลายครั้ง แม้จะกำจัดศัตรูลงได้มากมาย แต่ดาบที่ได้ตามติดมาก็หามีดาบใหม่ไม่ มีเพียงดาบซ้ำซึ่งเกินกว่าคลังเก็บของซานิวะจะคอยรักษาไว้ได้ซึ่งรอการย่อยสลายเพื่อเป็นแร่หรือหลอมกับดาบหรือเพื่อพัฒนาความสามารถเท่านั้นเอง

…. แล้วทำไม

“โคจังของข้าตีมาให้ไงล่ะ!”

ฝ่ามือนั่นตบเข้าที่แผ่นหลังข้า คราวนี้ไม่มีคำว่า ‘เบา’ อีกต่อไป เจ้าตัวดีใจตื่นเต้นเสียจนเก็บอาการแทบไม่อยู่เลยทีเดียว เนื่องจากช่างตีดาบที่โรงตีไม่เคยให้สิ่งใดนอกจากอุจิคาตานะหรือทะจิที่นางมีไว้ในครอบครองมานานแล้ว

ถึงจะอยู่ในรูปกายเยาว์วัยเช่นมนุษย์ทั่วไป ซ้ำยังเอื้อนเอ่ยได้ไม่ชัดถ้อยชัดคำ แต่แท้ที่จริงแล้วความนึกคิดและความทรงจำทั้งมวลในนาม ‘มิกะสึกิ มุเนจิกะ’ นั่นยังอยู่ครบถ้วน หาได้เป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาไม่

ดวงตาเฉียบคมของอิชิคิริมารุมองภาพชายหนุ่มผมสีขาวซึ่งอุ้ม -จันทร์เสี้ยว- ตัวน้อยขึ้นบ่า พาขี่คอวิ่งเล่นด้วยสายตาระอาใจ

“ใช่ว่าไม่รู้มิใช่เหรอไร? สึรุมารุ”

………………………………………………………………………………………………

………………………………………………

………………………………

…………………..

……..

 

‘ตาแก่นั่นน่ะ ยิ่งเจ้าอยากได้ ก็ยิ่งไม่มานะ หมอนั่นนิสัยเสียแบบนั้นน่ะแหละ’

‘สึรุมารุซังก็พูดเข้า… ตัวเองก็อยากเจอเหมือนกันเถอะ!!’

‘เป็นแค่ชาสำรองตอนเดินทางไกลแท้ๆ’

‘คนเขาแค่อยากไปด้วยเถอะ! แต่ร่างคนมันเปลืองที่นี่น่า!!’
 

[พรีออเดอร์] ฤดูทั้งสี่ที่ไม่จืดจาง [Saniwa Kagura&ทางไปรษณีย์]

KmY9wYcY (1)

: รายละเอียด :

色褪せない四季。
[ いろあせないしき ]
IROASENAISHIKI

ฤดูทั้งสี่ที่ไม่จืดจาง by Lina(lolinchacha)

ปก – Cocolu
ขนาด – A5
จำนวน – 125 หน้า
ราคา – 160 บาท

ตัวละคร – นาคิกิทสึเนะ , โคกิทสึเนะมารุ , อิจิโกะ ฮิโตฟุริ , อุกุยสึมารุ , ฮิเงะคิริ , ฮิสะมารุ , สึรุมารุ คุนินากะ , มิคาสึกิ มุเนจิกะ

ตัวอย่างภายในเล่ม –
ทยอยลงเรื่อยๆ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้นะคะ XD

FB : https://www.facebook.com/LinaAndHitorijanai

https://docs.google.com/forms/d/1v5StZrdeUdAeUYY22GUZ3ZBJ9vD8Eo5sxcLQqTl5LX8/viewform