[QZGS Fic] ความเร็วมือ1.5 [หวงอวี้]

[QZGS Fic] ความเร็วมือ1.5 [หวงอวี้]
Fandom : Quan Zhi Gao Shou เทพยุทธ์เซียนGlory
Pairing : หวงเส้าเทียนxอวี้เหวินโจว

Note : ตอนต่อจาก Day 1 ความเร็วมือ ค่ะ

 

 

 

 

 

[1.5]

 

 

 

 

มือคู่นั้นไม่นับว่าเชื่องช้าอืดอาด

 

หากในวงการกลอรี่อาชีพที่ล้วนต่อกรและตอบโต้กันด้วยความเร็วมือระดับสูงแล้ว มือคู่นั้นกลับกลายเป็นจุดอ่อนร้ายแรงของเจ้าตัวในทันที แม้จะกลบเกลื่อนข้อด้อยนี้ด้วยกลยุทธและความสามารถด้านอื่นอันไร้ที่ติ จุดอ่อนก็ยังคงเป็นจุดอ่อนอยู่ดี

 

อัธยาศัยอันดีงามและบุคลิกสุภาพชนของอวี้เหวินโจว ถึงในวงการจะอุดมไปด้วยเกรียนเกมออนไลน์อัพเกรดเป็นผู้เล่นอาชีพก็ไม่ได้โดนถากถางหรือหยิบยกปมด้อยนี้มาจาบจ้วงสักเท่าไร่ แต่นั่นไม่ใช่กับวงการสื่อที่ชื่นชอบเรื่องซุบซิบนินทาเหล่านี้

 

บ่อยครั้งที่ประเด็นนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อสัมภาษณ์กัปตันสโมสรหลานอวี่ น่าเสียดาย แม้อายุของชายหนุ่มในวัยยี่สิบต้นจะยังน้อย หากเทียบกับเสือสิงห์แห่งวงการสื่อ แต่ไหวพริบและความเยือกเย็นของคนผู้นี้นั่นไม่นับว่าอ่อนด้อย

 

อวี้เหวินโจวตอบโต้ด้วยความเยือกเย็นผิดจากคนหนุ่มทั่วไป ฉลาดเฉลียวในการตอบ ไม่มีแม้แต่คลื่นความขุ่นมัวในดวงตายามโดนจี้ถามด้วยประเด็นเรื่องส่วนตัวอย่างความเร็วมือ สามารถพูดจาด้วยน้ำเสียงสุภาพนุ่มนวล แต้มรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าได้เป็นอย่างดี

 

ปัง!

เสียงปิดประตูไม่ดัง แต่ไม่จัดว่าเบานักเมื่อคิดถึงว่าทั่วทั้งห้องเงียบกริบไร้เสียงใด นับตั้งแต่สิ้นคำว่า ‘ขออนุญาต’ จากหวงเส้าเทียน

รองกัปตันหลานอวี่จากไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงกลุ่มก้อนความเครียดขึ้งหนาหนักในห้องซ้อม

 

ฝ่ายเจ้าบ้านได้แต่มองไปทางคนมีอำนาจสูงสุดของทีมอย่างพร้อมเพรียง สายตาวิงวอนขอความช่วยเหลือ

 

กัปตันอวี้ถอนหายใจบาง เอ่ยจบการซ้อมรอบเช้าและจัดแจงให้เหล่าสมาชิกในทีมพานักกีฬาซิงซินไปโรงอาหารประจำสโมสรและห้องพักผ่อนรอซ้อมต่อในรอบบ่าย ก่อนจะขอตัวแยกไปเมื่อถึงทางตัดผ่านไปโรงอาหารกับส่วนรับรองแขกของสโมสร

 

ร่างสูงโปร่งสาวเท้า จังหวะการก้าวเดินสม่ำเสมอไม่เร่งร้อน ส่วนรับรองแขกแบ่งเป็นพื้นที่ว่างโล่ง จัดวางชุดเก้าอี้นั่งเล่นและมุมอ่านหนังสือฆ่าเวลา ในสุดของส่วนรับรองแขกเป็นห้องมีตติ้งขนาดย่อม ซึ่งเวลานี้มักปราศจากผู้คนกลับปิดสนิทเป็นสัญญาณว่ามีคนใช้งานอยู่

 

อวี้เหวินโจวเคาะประตูสองสามครั้ง รออยู่ครู่หนึ่งไร้เสียงตอบรับก็พาให้ถอดถอนหายใจเสียหนึ่งครั้ง เนื่องจากเป็นพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างสาธารณะ ประตูจึงไม่ได้มีระบบปิดล็อคแน่นหนา สามารถเปิดได้จากฝั่งคนเข้าไปได้ทันที

 

ร่างสูงโปร่งผลุบหายไปหลังบานประตู ในห้องมืดสนิท ไร้แสงไฟ ดีที่ห้องนี้เป็นห้องขนาดเล็ก ไว้มีตติ้งย่อยสำหรับสามสี่คนเท่านั้น สายตาปรับชินสักพักไล่ไปก็พบเจอเงาร่างหนึ่งนั่งอยู่

 

เขาไม่ได้ส่งเสียงเรียก เพียงพาตนเองเข้าไปหยุดเคียงข้างคนคนนั้น

 

ขณะที่วางมือลงบนบ่าของอีกฝ่าย คนที่เขาคิดว่าจมอยู่ในภวังค์ของตัวเองกลับคว้ามือเขาไว้

 

ในความมืด อวี้เหวินโจวไม่สามารถมองเห็นแววตาจากใบหน้าของคนที่ยึดจับมือตนเองไว้ รับรู้เพียงลมหายใจอุ่น สัมผัสอ่อนจางผะแผ่วระเรื่อยไปตามฝ่ามือเรียว จุมพิตจากริมฝีปากคนช่างพูดที่นับจากก้าวขาออกจากห้องยังไม่เอ่ยอะไรสักครึ่งคำ ค่อยๆ ละเลียดไปตามปลายนิ้วทั้งห้า

 

“มือนายเย็นนะ”

 

เนิ่นนานกว่าจะเอื้อนเอ่ย หากถ้อยคำที่ออกมากลับมือพูดถึงเขาเสียแทน เจ้าของมือส่ายหน้าช้าหมายดึงฝ่ามือข้างที่โดนเกาะกุมไว้กลับคืน แต่กลายเป็นมืออีกข้างที่ยื่นไปนั้นถูกรวบไปด้วย คราวนี้เป็นฝ่ามือสองข้างถูกจับไว้แน่นราวกับตัวประกัน ผิดกันแค่ตัวประกันสองข้างนั้นได้รับการปฏิบัติอย่างอ่อนโยนด้วยลมหายใจอุ่นและจุมพิตแตะต้องไปตามปลายนิ้ว ข้อต่อแต่ละข้อ อุ้งมือ และข้อมือเรียว

 

ทุกการกระทำดำเนินไปอย่างทะนุถนอมและละมุนละไมเป็นอย่างยิ่ง

 

“เส้าเทียน…”

 

เจ้าของชื่อส่งเสียงตอบรับในลำคอ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ เฝ้ารอคนที่เรียกขานว่าจะกล่าวอะไรอย่างสงบ เป็นฝ่ายคนพูดก่อนที่นิ่งเงียบไปเอง

 

กลุ่มก้อนคำพูดมากมายอื้ออึง ความคิด ข้อมูล ความเป็นไปของสิ่งแวดล้อมรอบตัว ผู้คน สโมสร ทีม หลายสิ่งหลายอย่าง เคลื่อนไหลมาหลวมรวมกัน

 

สมองที่กลั่นกรองข้อมูลและเลือกใช้อย่างมีประสิทธิภาพเสมอมา กลับทำงานช้าจนหยุดลง

 

อวี้เหวินโจวหาคำพูดสักคำมาเอ่ยกับหวงเส้าเทียนที่นิ่งเงียบตรงหน้าไม่ออกเลย

 

เรื่องที่คับข้องใจ เรื่องที่โมโหโกรธเกรี้ยว

 

ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องที่เขาลอบนึกยินดีมาตลอด

 

การใครสักคนที่ยืนเคียงข้างคุณ ปกป้องคุณอย่างไม่มีเงื่อนไข ย่อมเป็นความรู้สึกยินดีอยู่แล้ว

 

กัปตันแห่งสโมสรหลานอวี่ ไม่ได้อ่อนแอเปราะบาง ไม่ได้ปวกเปียกนุ่มนิ่ม และไม่ได้ต้องการคนปกป้อง

 

เจ้าอาคมอันดับหนึ่ง ไม่ได้มีดีแค่ชื่อหรือความแข็งแกร่งของไอดี เกิดขึ้นจากมันสมองและสองมือของอวี้เหวินโจวทั้งสิ้น

 

สองมือพิการซึ่งถูกค่อนขอดจากใครต่อใคร

 

ผู้สงบนิ่งดุจลำน้ำใส สงบเยือกเย็นดุจธารน้ำแข็ง

 

เป็นดั่งฐานศิลาอันมั่นคง หนักแน่นแห่งหลานอวี่

 

หากศิลากล้าแกร่งเพียงไรย่อมมีผุกร่อน

เช่นเดียวกับดาบที่ฟาดฟัน คมกริบเพียงไหนก็ย่อมมีผุบิ่น

 

อวี้เหวินโจวหาใช่ปล่อยวางถ้อยคำหยามเหยียด

 

อวี้เหวินโจวหาใช่แข็งแกร่ง

ยังคงเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เจ็บปวดหรือเสียใจ

 

การที่ยังคงยืนอยู่ได้ เพราะเบื้องหน้านั้นคือคมดาบสีน้ำเงินอันเจิดจรัสของสายฝนที่พร่างพรมใส่ศัตรู

 

พิรุณค่ำร่ำคำครวญที่ปรายโปรยแสงสว่างอันเจิดจ้า

 

ไม้เท้าในมือขยับตาม คำสาปและอาคมพรั่งพรูเรื่อยร่ำ ไม่ขาดตอน ส่งเสริมสอดรับการบุกตะลุยไปข้างหน้า

 

ก้าวออกจากสมรภูมิ กลับสู่ที่ฝูงชน

 

ถ้อยคำปรามาสดูถูกสาดซัดราวระลอกคลื่นอันไม่สิ้นสุด

 

ชนะ เสมอตัว แพ้ ถากถาง

 

ในฐานะกัปตัน… อวี้เหวินโจวสลับตำแหน่งเป็นฉากหน้าที่รองรับคลื่นมหาชนเหล่านี้

 

ทางตรงทางอ้อม

 

คำตำหนิตกลงบนบ่าสองข้างของเขา

 

แต่ที่ยังยืนอยู่ได้เพราะด้านหลังมีมือที่คอยผลักดันและดวงตาที่เชื่อมั่นในตัวเขาเสมอ

 

ครั้งนี้ก็เช่นกัน

 

หวงเส้าเทียนประคองสองมือของเขาไว้ กดจูบแผ่วเบาบนนิ้วมือทั้งสิบ

 

ไม่ใช่เพราะเขาแข็งแกร่ง… ไม่ใช่ว่าเขาไม่ใส่ใจต่อคำว่าขาน

 

เพราะมีเส้าเทียน

 

ไม่ว่าจะเรื่องความเร็วมือหรือบนสนาม…

และไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงอยู่ตรงนี้เพื่อเขาตลอดมา

 

คนที่ครั้งหนึ่งเคยกล่าวคำพูดเหล่านั้นใส่เขา กลับปกป้องเขาจากคำพูดพวกนั้นมากกว่าใคร

 

 

talk zone : มันก็จะงงๆ เมาๆ นิดหน่อยนะคะ มีความคิดอะไรก็เขียนเวิ้นๆ ออกมา เพ้อเจ้อสุดไรสุดค่ะ ฮืออ อยากอ่านเล่มสิบจัง………